ข่าวด่วน ข่าวอัพเดทรายวัน ข่าวอาชญากรรม

กกกอกเดือด ลุงพลของขึ้นแย่งไมค์ทำร้ายนักข่าว หลังป่าไม้มุกดาหาร ลุยตรวจต้นตะเคียนข้างบ้าน

เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้บุกตรวจต้นตะเคียนบ้าน “ลุงพล” โป๊ะแตกศาลตะเคียนเป็นไม้มะค่าแต้ ไม่ใช่ไม้ตะเคียน พร้อมแจ้งความในข้อครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ขณะที่เจ้าตัวของขึ้นแย่งไมค์และทำร้ายนักข่าวช่องดังท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนที่ติดตามทำข่าวและชาวบ้าน ด้านผู้สื่อข่าวช่องดังเปิดใจไม่คิดว่าลุงพลจะกล้าทำ พร้อมเตรียมแจ้งความกับตำรวจ ระบุเป็นการคุกคามสื่อ

เมื่อเวลา 09.30 น.วันที่ 19 มกราคม 2564 นายพรภิรม อุระแสง ผอ.ศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป่าไม้ จ.มุกดาหาร เข้าเดินทางตรวจสอบไม้ตะเคียนที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้าน นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ในพื้นที่ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร หลังนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ยื่นเอกสารให้ตรวจสอบ โดยระหว่างเจ้าหน้าที่กำลังอ่านข้อร้องเรียนให้นายไชย์พล วิภา หรือ “ลุงพล” ฟังท่ามกลางสื่อมวลชนที่มาติดตามทำข่าวและท่ามกลางสายตาชาวบ้านจำนวนมาก อยู่ๆลุงพลเกิดอาการของขึ้น โดยไม่ทราบสาเหตุ พยายามถามและเข้าเเย่งไมค์ผู้สื่อข่าวโทรทัศน์ช่องหนึ่ง ซึ่งผู้สื่อข่าวช่องดังกล่าวพยายามชี้เเจงว่า ได้เข้ามาทำหน้าที่ตามปกติ หลังจากนั้นลุงพลได้โผเข้าใส่ ก่อนทุบหลัง 2 ครั้ง พร้อมกับผลักไหล่ แล้วจะพยายามบีบคอเเละกระชากหน้ากากอนามัยออก

ก่อนจะมีกลุ่มยูทูบเบอร์ที่ติดตามลุงพลมาดึงลุงพลหนีออกไป เเต่หลังจากนั้นไม่นาน ลุงพลก็กลับมาในจุดเดิมอีก พยายามเข้าไปเเย่งโทรศัพท์มือถือจากผู้สื่อข่าวอีกช่องหนึ่ง จนเกิดการชุลมุนขึ้นประมาณ 1-2 นาที ก่อนที่ยูทูบเบอร์จะดึงลุงพลออกไปจากจุดเกิดเหตุอีกครั้งหนึ่ง เพื่อไปพูดคุยกับเจ้าหน้าที่กรมป่าไม้ ถึงเรื่องร้องเรียน

ทั้งนี้หลังเกิดเหตุนายนภัส ปราณีตพลกรัง หรือ น้องฟ้า ผู้สื่อข่าวอัมรินทร์ทีวี เปิดเผยหลังถูกลุงพล ทำร้ายร่างกาย ว่า รู้สึกตกใจกับเหตุการณ์ที่ลุงพลของขึ้นดึงไมค์และตรงเข้าทำร้ายร่างกาย ในขณะที่ตัวเองกำลังทำหน้าที่สื่อมวลชน โดยยืนยันว่า ณ เวลานั้น ยังไม่มีการสัมภาษณ์หรือสอบถามข้อมูลใดจากลุงพล เป็นช่วงที่เจ้าหน้าที่ป่าไม้ จังหวัดมุกดาหาร กำลังชี้แจงข้อความในเอกสารร้องเรียนให้ลุงพลฟัง  แต่จู่ๆ ลุงพล ก็มาดึงไมค์จากมือ พร้อมถามว่า “นี่ช่องไหนๆ” แต่ตัวเองไม่ยินยอม ทำให้ลุงพล ยิงเกิดอาการโมโห ก่อนใช้มือทุบหลัง 2 ครั้ง แล้วผลักไหล่  ซึ่งตอนนั้นตัวเอง พยายามร้องบอกว่า อย่าทำร้ายผมๆ แต่ลุงพล ก็ไม่ฟัง พร้อมกับยังปรี่เข้ามาใช้มือพยายามบีบคอ และกระชากหน้ากากอนามัย ออกด้วย ก่อนที่จะมีคนมาแยกลุงพล ออกไปจากที่เกิดเหตุ

นายนภัส  กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ยืนยันว่า ไม่ใช่การหยอกล้อกันแน่นอน เพราะขณะที่ลุงพล เข้ามาทำร้ายร่างกาย สังเกตเห็นได้ว่ามีการกัดฟัน เข้ามาด้วยท่าทีที่ขึงขัง น้ำเสียงดุดัน และที่ชัดเจน จากภาพที่ถูกนำเสนอออกไป จะเห็นได้ว่า ตัวเองพยายามพูดตลอดว่า อย่างเข้ามาทำร้าย ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะเข้าแจ้งความลงบันทึกประจำวันที่สภ.กกตูม จังหวัดมุกดาหาร เพราะรู้สึกกังวลในเรื่องของความปลอดภัย มองว่าเป็นการคุกคามสื่อ ซึ่งหลังจากนี้อาจจะถูกคุกคามในลักษณะอื่นอีกก็เป็นไปได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ตัวเองเป็น 1 ในผู้สื่อข่าวที่มาเกาะติดคดีน้องชมพู่ อยู่เป็นระยะ และมีความคุ้นเคยกับลุงพล ที่ผ่านมาไม่เคยเห็นพฤติกรรลักษณะนี้ ยอมรับว่า รู้สึกเสียใจ และไม่คาดคิดว่าลุงพลจะกล้าทำแบบนี้

ต่อมานายพรภิรม อุระแสง ผอ.ศูนย์ป่าไม้มุกดาหาร ได้นำหลักฐานเข้าแจ้งความกับ ร้อยเวร สภ.กกตูม  เพื่อดำเนินคดีกับนายไชย์พล วิภา  ในข้อหาครอบครองไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ หลังจากเข้าตรวจสอบไม้พบว่าไม้ดังกล่าวเป็นไม้มะค่าแต้ ไม่ใช่ไม้คะเคียน ตามที่ลุงพลกล่าวอ้าง

นายพรภิรม อุระแสง ผู้อำนวยการศูนย์ป่าไม้ จ.มุกดาหาร เปิดเผยผลการตรวจสอบไม้ตะเคียนท่อน ที่ศาลแม่ตะเคียนโสรภี ข้างบ้านลุงพล ยืนยันว่า จากการตรวจสอบอย่างละเอียด พบ เป็นไม้มะค่าแต้ หรือชื่อทางการคือไม่มะค่าหนาม ไม่ใช่ไม้ตะเคียน อย่างที่หลายคนเข้าใจ  ซึ่งตอนนี้ อยู่ระหว่างการให้ลุงพล ชี้แจงที่มาของไม้ท่อนนี้ เพราะถึงแม้ว่า จะเป็นไม้มะค่าแต้ แต่ก็จัดอยู่กลุ่มไม่หวงห้าม การครอบครองโดยถูกกฎหมาย จะต้องเป็นไม้ที่มาจากที่ดินกรรมสิทธิ์ โดยเบื้องต้นลุงพล ชี้แจงที่มาของไม้ท่อนนี้ ว่ามาจากบนภูเขา ไหลลงมาตามน้ำ ก่อนมาติดอยู่บริเวณคลองข้างบ้าน จึงตัดหัวท้าย และเห็นเนื้อไม้เป็นสีเหลือง จึงเข้าใจว่าเป็นไม้ตะเคียน และนำขึ้นมาให้คนกราบไหว้บูชา โดยตั้งเป็นศาลแม่ตะเคียนโสรภี ซึ่งถ้าหากเป็นไปในลักษณะนี้ ก็อาจเข้าข่ายครอบครองโดยผิดกฎหมาย เพราะการนำไม้หวงห้ามขึ้นมาตั้งเป็นศาล ถือว่ามีเจตนาครอบครอง ส่วนจะเป็นการหลอกลวงประชาชนหรือไม่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อกฎหมาย และตรวจสอบว่ามีผู้เสียหายเข้าแจ้งความหรือไม่