ข่าวด่วน

พี่ชายวอนกงสุลตามหาน้องสาวผีน้อยเชื่อถูกหลอกขายบริการดูไบ

พี่ชายวัย 43 ปี ชาวอำเภอสามชัย จังหวัดกาฬสินธุ์ หอบเอกสารเข้าขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ ประสานสถานกงสุลตามตัวน้องสาววัย 41 ปีกลับบ้านเกิด ระบุถูกนายหน้าชักชวนบินลัดฟ้าไปทำงานนวดแผนไทยที่ประเทศดูไบเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาอย่างไม่รู้ชะตากรรม หวั่นถูกหลอกไปขายบริการค้ามนุษย์ หวั่นไม่ได้รับความปลอดภัย เนื่องจากไม่สามารถติดต่อได้นานกว่า 15 วัน

เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2565 ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ นายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธานสภา อบต.สำราญ อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยนายประสิทธิ์  ศรีบุญจันทร์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่  123 หมู่ 4 ต.หนองช้าง  อ.สามชัย จ.กาฬสินธุ์ นำเอกสารเข้าร้องทุกข์ และขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อช่วยประสานสถานกงสุลติดตามตัวนางสาวอภิญญา ศรีบุญจันทร์ อายุ 41 ปี โดยนายนายประสิทธิ์  ระบุว่าน้องสาวอาจถูกนายหน้าชักชวนไปทำงานนวดแผนไทยที่ประเทศดูไบเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา แต่ไม่สามารถติดต่อได้นานกว่า 15 วัน และหวั่นว่าถูกหลอกไปขายบริการค้ามนุษย์ และไม่ได้รับความปลอดภัย โดยมีนายสนุน แจะหอม นิติกรประจำศูนย์ดำรงธรรมรับเรื่องและให้คำปรึกษา

นายประสิทธิ์  ศรีบุญจันทร์ กล่าวว่า เนื่องจากนางสาวอภิญญา ศรีบุญจันทร์ อายุ 41 ปี น้องสาวของตน ได้เดินทางไปประเทศดูไบ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา  ซึ่งเป็นการเดินทางไปในรูปแบบนักท่องเที่ยว และทำงานร้านนวดแผนไทย กำหนด 3 เดือน ค่าเดินทาง ค่าทำวีซ่า ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง 130,000 บาท โดยมีเพื่อน ซึ่งเป็นนายหน้าเป็นผู้หญิงชักชวนไป  ทราบว่านอกจากนี้ ยังมีคนในพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งเป็นผู้หญิงไปด้วยกัน 3 คน และเดินทางไปสมทบกับเพื่อนหญิงจากต่างจังหวัด ที่เดินทางไปในเที่ยวเดียวกัน 8 คน หลังจากเดินทางไปถึงประเทศดูไบไม่กี่วัน นางสาวอภิญญาน้องสาว ได้แช็ตทางไลน์มาบอกว่าได้งานที่ไม่ตรงกับสัญญาตามที่นายหน้าบอก โดยถูกคนที่มารับตัวบังคับให้ค้าประเวณี น้องสาวตนไม่ยอมจึงขอกลับบ้าน จึงถูกบังคับและกักขัง  พร้อมบอกว่าถ้าอยากจะกลับบ้าน ก็ให้ญาติส่งเงินเป็นค่าไถ่ไปจำนวน 130,000 บาท โดยโอนเงินเข้าบัญชีของน้องสาวเอง หากไม่ส่งเงินจำนวนดังกล่าวมา ก็จะถูกขายให้กับนายหน้ารายอื่นไปเรื่อยๆ ด้วยความรักและสงสารน้องสาวที่ถูกหลอกลวงไปต่างแดน ตนจึงหาเงินโอนไปให้เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา

นายประสิทธิ์กล่าวอีกว่า หลังจากโอนเงินจำนวน 130,000 บาทไปจนถึงวันนี้นานกว่า 15 วัน ตนกลับไม่สามารถติดต่อน้องสาวได้เลย จึงรู้สึกเป็นทุกข์ใจมาก กลัวน้องสาวจะได้รับอันตรายถึงแก่ชีวิต ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงไปปรึกษานายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธานสภา อบต.สำราญ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินทางมาร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ พร้อมนำเอกสารที่เป็นหลักฐาน เช่น ภาพถ่ายน้องสาวและนายหน้า สถานที่ทำงานที่ประเทศดูไบ แช็ตการพูดคุย สลิปโอนเงิน เพื่อขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมฯ ประสานสถานกงสุลไทยและกงสุลประเทศดูไบ ติดตามตัวน้องสาวกลับบ้านเกิดโดยด่วนด้วย เพราะทุกวันนี้ตนและทุกคนทางบ้านเป็นห่วงน้องสาวมาก จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ และกลัวว่าจะได้รับอันตราย

ด้านนายกอบโชคชีพ โพธิ์สอน รองประธานสภา อบต.สามชัยกล่าวว่า หลังจากได้รับแจ้งนางสาวอภิญญา ถูกนายหน้าชักชวนไปทำงานที่ประเทศดูไบ ในลักษณะนักท่องเที่ยวและนวดแผนไทยดังกล่าว ได้สอบถามข้อมูลจากญาติและในชุมชนทราบว่า กรณีที่นางสาวอภิญญาถูกเพื่อนชักชวนไปประเทศดูไบดังกล่าว เข้าข่ายพฤติกรรมหลอกลวง โดยสร้างแรงจูงใจให้หลงเชื่อ เช่น บินก่อนผ่อนหรือจ่ายค่าเดินทางทีหลัง งานสบาย ค่าตอบแทนสูง สำหรับรายนางสาวอภิญญานั้น คนที่ชักชวนไปเป็นเพื่อนสนิท ด้วยความหวังที่จะได้เงินเดือนสูงๆ ทำงานสบายๆ จึงได้หลงเชื่อเดินทางไป แต่พอไปถึงที่ประเทศดูไบ  กลับถูกหลอกลวง ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าอาจจะถูกขบวนการค้ามนุษย์หลอกไปขายประเวณี ซึ่งขณะนี้ยังไม่รู้ชะตากรรม

นายกอบโชคชีพกล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับหญิงไทย ที่จะเดินทางไปในลักษณะ “ผีน้อย” ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงและเป็นอันตายมาก จึงฝากเตือนอย่าได้หลงเชื่อนายหน้า หรือผู้ที่มาชักชวนเด็ดขาด แม้กระทั่งคนที่มาชักชวนนั้นเป็นคนใกล้ตัว อย่างไรก็ตาม จากการได้พานายประสิทธิ์ พี่ชายนางสาวอภิญญามาร้องทุกข์และขอความช่วยเหลือจากศูนย์ดำรงธรรมดังกล่าว ซึ่งถือว่าเป็นที่พึ่งสุดท้าย ก็หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือ ติดตามตัวกลับบ้านเกิดโดยเร็ว ทั้งนี้ ล่าสุดทราบว่าทางเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ประสานไปที่กงสุลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ก็คงจะรอคอยด้วยความหวัง ว่านางสาวอภิญญาจะได้รับการช่วยเหลือจากกงสุลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ช่วยเหลือและส่งตัวกลับมาบ้านเกิดด้วยความปลอดภัย

อย่างไรก็ตาม หลังจากเจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมได้รับเรื่องดังกล่าวไว้แล้ว จะได้เร่งดำเนินการส่งเรื่องไปยังสถานกงสุล เพื่อตรวจสอบและช่วยเหลือต่อไป