ข่าวด่วน

เพลิงพิโรธเผาวอดร้านทองดังกลางเมืองกาฬสินธุ์ดับแล้ว 1 ศพ

เกิดเหตุไฟไหม้ร้านทองลิ้มเคียนฮวด 3 ใจกลางเมืองกาฬสินธุ์ มีผู้สูงอายุและเด็กติดอยู่ภายในยังไม่ทราบชะตากรรม เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิงเข้าช่วยเหลือ เบื้องต้นคาดว่าเสียชีวิตแล้ว 1 ราย

เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 2 มกราคม 2566 ร.ต.ท.พิพัฒน์พงศ์ มหาชัย ร้อยเวร สภ.เมืองกาฬสินธุ์ รับแจ้งเหตุไฟไหม้ร้านทองลิ้มเคียนฮวด 3 ตั้งอยู่ถนนเทศบาล 23 ใกล้กับร้านขายยาระเบียบเภสัช ใจกลางเมืองกาฬสินธุ์ มีผู้ติดอยู่ภายใน 2 ราย หลังรับแจ้งจึงเร่งประสานไปยังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ และองค์กรปกครองส่วนใกล้เคียงเข้าช่วยดับไฟ และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ นายสำเริง ม่วงสังข์ รองผวจ.กาฬสินธุ์ นางเฉลิมขวัญ หล่อตระกูล นายก อบจ.กาฬสินธุ์ นายจารุวัฒน์ บุญเพิ่ม นายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ นายตรีรัตน์ ศรีแก้วขวัญ ปภ.กาฬสินธุ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพานิชย์ 3 ชั้น เป็นบ้านของนายวิชิต แสงโสภาพรรณ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองกาฬสินธุ์ ซึ่งเปิดเป็นร้านทอง มากล่าว 40 ปี ด้านหลังติดกับตลาดโต้รุ่งเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ พบควันไฟพวยพุ่งออกมาจากด้านในร้านทองดังกล่าว เบื้องต้นจากการตรวจสอบพบว่ามีหญิงอายุประมาณ 60 ปี และชายวัย 17 ปี ติดอยู่ภายในชั้น 2 ยังไม่ทราบชะตากรรม เจ้าหน้าที่จึงได้ช่วยกันเร่งฉีดน้ำสกัดไฟที่กำกลังลุกไหม้ด้านใน และฉีดน้ำสกัดด้านข้าง เพื่อป้องกันไม่ไห้ไฟลุกลามขยายวงกล้างออกไป พร้อมกับส่งนักผจญเพลิงเข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่ด้านใน แต่การปฏิบัติงานเป็นไปด้วยความยากลำบาก เนื่องจากพื้นที่ค่อนข้างแคบ มีกรงเหล็กของระบบความปลอดภัย และมีกลุ่มควันจำนวนมาก จึงยังไม่สามารถควบคุมไฟไวได้ และอยู่ระหว่างการค้นหาผู้ติดอยู่ในด้านใน อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นคาดว่าผู้เสียชีวิต 1 ราย แต่ยังไม่ทราบว่าเป็นใคร เนื่องจากอยู่ระหว่างการตรวจสอบและพิสูจน์ของเจ้าหน้าที่

สอบถามพนักงานร้านทอง บอกว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงดังระเบิดจากปลั๊กไฟที่เสียบไฟประจำโต๊ะไหว้บรรพบุรุษในร้านทอง ก่อนที่ไฟจะเริ่มลุกไหม้อย่างรวดเร็ว เจ้าของบ้านได้นำถังดับเพลิงมาฉีดดับไฟ แต่ก็ไม่สามารถดับได้ จากนั้นไฟได้เริ่มลุกลามขึ้นไปด้านบน ซึ่งมี หญิงอายุประมาณ 60 ปี และเด็กชายหลายของของร้าน

ด้านนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเวลาประมาณ 20.00 น.ก่อนจะระดมกำลังทุกภาคส่วนเร่งเข้าให้การช่วยเหลือ ทั้งนี้เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุอะไร เนื่องจากต้องรอการตรวจสอบอย่างละเอียด ซึ่งต้องใช้เวลา เพราะการปฏิบัติงานค่อนข้างลำบาก แต่เจ้าหน้าที่ก็จะต้องเร่งช่วยเหลืออย่างเต็มที่