ข่าวด่วน

เกษตรกรกาฬสินธุ์เรียกร้อง เข้มมาตรการป้องกันข้าวเพื่อนบ้านทะลักเข้าไทย

ชาวนาจังหวัดกาฬสินธุ์ เรียกร้องส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง คุมเข้มมาตรการป้องกันปัญหาข้าวเปลือกราคาถูก จากประเทศเพื่อนบ้าน ลักลอบเข้ามาตีตลาดไทยส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกของชาวนาไทยตกต่ำ

จากกรณีผู้จัดการตลาดกลางข้าวและพืชไร่ จังหวัดกาฬสินธุ์ ออกมาเปิดเผยข้าวจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาในตลาดข้าวประเทศไทย ส่งผลให้ราคาข้าวหอมมะลิและข้าวเหนียวราคาตกต่ำ  พร้อมแนะภาครัฐเร่งแก้ไขปัญหา ตามข่าวที่เสนอแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 ที่บ้านศรีสังคม หมู่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ผู้นำชุมชนและชาวบ้าน ซึ่งประกอบอาชีพทำนา ยังจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์กันถึงสถานการณ์ราคาข้าวไทย ที่ในปัจจุบันมีข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านทะลักเข้ามาแทรกแซงในตลาดข้าวเปลือก เชื่อว่าเป็นการลักลอบเข้ามาโดยอาศัยช่องว่างทางกฎหมาย และเป็นการตัดราคากัน โดยมีการเอื้อประโยชน์กับนายทุน ทั้งนี้ เกษตรกรระบุว่าเป็นข้าวเปลือกราคาถูก ซึ่งทำให้ราคาข้าวเปลือกของชาวนาไทยที่กำลังสูง ราคาขายตามลานรับซื้อคุ้มกับต้นทุนการผลิต แต่กลับเกิดเหตุสะดุดถูกฉุดราคาให้คงที่ ทำให้หลายคนชะลอการนำข้าวที่อยู่ในยุ้งฉางไปขาย เนื่องจากราคาข้าวมีแนวโน้มตกต่ำลงเรื่อยๆ  เนื่องจากทราบว่าข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านดังกล่าวเข้ามาตีตลาดในวงกว้างแล้ว

นายบรรจบ ภูมิ่งเดือน นายก อบต.ดอนสมบูรณ์ อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลายพื้นที่ในประเทศไทย ได้เกิดปัญหาภัยแล้งในปี 2562  ที่ผ่านมา จึงพบว่าราคารับซื้อผลผลิตข้าวเปลือก ทั้งข้าวเหนียวและข้าวเจ้าได้ขยับตัวสูงขึ้น เพราะผลผลิตไม่เพียงพอกับความต้องการ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีกับชาวนาไทย ที่ได้ขายข้าวคุ้มทุนและมีกำไร ซึ่งทั้งข้าวเปลือกเจ้ากับข้าวเปลือกเหนียว มีราคาที่ใกล้เคียงกัน คือกิโลกรัมละประมาณ 15-18 บาท หรือตันละ 15,000-18,000 บาท และตรึงราคามาเรื่อยๆ ทำให้ชาวนาทุกคนดีใจ มีกำลังใจทำนาและไม่ประสบปัญหาขาดทุน

นายบรรจบ กล่าวอีกว่า สำหรับในฤดูกาลผลิตปี 2563 นี้ ยังได้เกิดภาวะฝนทิ้งช่วง หลายพื้นที่ยังขาดแคลนน้ำเนื่องจากอาศัยน้ำฝนเป็นหลัก คาดว่าผลผลิตคงได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ซึ่งจะส่งผลให้ราคาข้าวเปลือกยังสูงขึ้นและคงตัว ไม่ต่ำกว่าตันละ 15,000-18,000 บาท แต่ปัจจุบันกลับพบว่ามีข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตีตลาด ทำให้ชาวนาหลายรายที่กักกุนข้าวเปลือกในยุ้งฉางไว้ หวังจะขายได้ในราคาที่สูงขึ้นถึงตันละ 19,000-20,000 บาท จึงต้องชะลอการขายไว้ก่อน เพราะตอนนี้ราคาไม่แน่นอน เนื่องจากมีข้าวเปลือกจากประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาตีตลาดดังกล่าว ทำให้ราคาข้าวของเกษตรกรต่ำลง

ด้านนายนาคินทร์  ภูจ่าพล ผู้ใหญ่บ้านศรีสังคม หมู่ 9 ต.ดอนสมบูรณ์ ซึ่งมีอาชีพเป็นเกษตรกรด้วย กล่าวว่า ประเทศไทยเราเป็นแหล่งผลิตข้าวแหล่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย ได้ผลผลิตทั้งข้าวเปลือกเจ้าและข้าวเปลือกเหนียว เป็นสินค้าหลักส่งออกต่างประเทศ  และแต่ไหนแต่ไรมาทราบว่า ภาครัฐไม่เคยมีนโยบายนำเข้าข้าวเปลือกจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศไทย แต่ในปัจจุบันตนก็ไม่ทราบเหมือนกันว่ามีการนำเข้าข้าวเปลือกจากต่างประเทศ เข้ามาจำหน่ายและตีตลาดข้าวไทยได้อย่างไร

นายนาคินทร์ กล่าวอีกว่า จากปัญหาข้าวจากประเทศเพื่อนบ้าน ถูกลำเลียงเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยดังกล่าว ได้ส่งผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมกับวงการข้าวไทย เช่น ฉุดให้ราคาข้าวไทยคงที่และมีโอกาสที่ราคาจะตกต่ำลงไปเรื่อยๆ เนื่องจากทราบว่าข้าวเปลือกที่นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านนั้น ราคาถูกกว่าข้าวไทย ทำให้ชาวนาไทยเสียโอกาสสร้างรายได้ และบั่นทอนกำลังใจในการทำนา ทั้งนี้ หากเทียบราคาข้าวขากประเทศเพื่อนบ้านจะมีราคาต่ำกว่าข้าวของชาวนาไทยประมาณ กิโลกรัมละ 3-5 บาททีเดียว ดังนั้น จึงอยากเรียกร้องส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มีมาตรการควบคุมอย่างเข้มข้นและเคร่งครัด เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์ลักลอบนำข้าวเข้ามาโดยนายทุน ที่ฉวยโอกาสช่องว่างทางกฎหมายนำข้าวราคาถูก เข้ามาแทรกแซงและตีตลาดข้าวไทย ทำให้ชาวนาไทยขายข้าวราคาต่ำ ประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซากและยังยากจนอย่างเช่นปัจจุบันนี้