ข่าวอาชญากรรม

นครพนม หนุ่มสวนผักเผยหมดเปลือก นาทีคมกระสุนของกลุ่มฮามาสยิงใส่แคมป์จนรอดชีวิต

วันที่ 18 ต.ค. 2566 ที่บ้านเลขที่ 133 บ.นาทุ่งทอง ม.16 ต.พระซอง อ.นาแก จ.นครพนม ซึ่งเป็นบ้านพักของนายชาตรี ชาศรี แรงงานไทยในอิสราเอล ซึ่งถูกกองกำลังติดอาวุธยิงจนได้รับบาดเจ็บ พบกับนายชาตรี ชาศรี อายุ 38 ปี เป็นแรงงานชาวไทยอีกคนหนึ่งที่เดินทางไปทำงานยังสวนเกษตรปลูกมะเขือเทศ ผักกะหล่ำปลี เดินทางมาทำงานมาแล้วกว่า 4ปี โดยจะพักยังแคมป์ที่มีแรงงานไทยรวมกัน 37 คน ที่เมืองมิคาคิม ประเทศอิสราเอล ซึ่งอยู่ห่างฉนวนกาซาประมาณ 10 กม.

นายชาตรี ได้เล่าเหตุการณ์ระทึกที่ตนต้องเฉียดตายกลับมาว่า หลังจากที่ได้เดินทางกลับมาถึงบ้านและได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตากับครอบครัวอีกครั้ง เมื่อวันที่ 7 ต.ค 2566เวลาประมาณ 7.00 น. ซึ่งตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ จึงมีแรงงานจำนวนหนึ่งรวมทั้งตนได้ถือโอกาสหยุดพักผ่อนกันอยู่ภายในแคมป์และจู่ๆ ก็มีเสียงไซเรนเตือนภัยดังขึ้น ซึ่งเหตุการณ์เตือนภัยในลักษณะนี้ตนเองค่อนเคยชินเพียงแต่พากันหลบเข้าบังเกอร์หลุมหลบภัยที่นายจ้างหรือทางการจัดทำไว้ให้ เพื่อรอจนกว่าเหตุการณ์จะสงบลงแต่ในครั้งนี้จะแตกต่างกันออกไปกว่าทุกครั้ง เพราะในครั้งนี้จะมีการยิงปืนใหญ่ชนิดอาจเรียกได้ว่าเป็นแบบชนิดปูพรมมีลูกระเบิดตกลงมาโดยรอบบริเวณแคมป์ที่พัก ซึ่งเป็นที่ตั้งของค่ายทหารอิสราเอลลงมานับพันลูก ทำให้กลุ่มแรงงานไทยในขณะนั้นเริ่มเห็นความผิดปกติที่แตกต่างจากทุกครั้ง จากที่กลุ่มกองกำลังจากปาเลสไตล์ มักจะยิงปืนใหญ่เข้ามาแบบประปรายเท่านั้น และมักจะถูกสกัดด้วยโดรนป้องกันทางอากาศ

ขณะที่ทุกคนภายในแคมป์กำลังพากันเตรียมเคลื่อนย้ายกันไปยังบังเกอร์หลบภัย ทุกคนต้องตื่นตระหนกอีกครั้งเมื่อเห็นกลุ่มกำลังติดอาวุธฮามาส บุกเข้ามายังภายในบริเวณแคมป์ของแรงงานชาวไทย ก่อนที่จะรัวกระสุนนับพันนัดยิงเข้าจากรอบทิศทางเข้าใส่แคมป์จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก แต่ด้วยลักษณะของแคมป์ที่พักโครงสร้างเป็นโครงยูพีวีซีอัดด้วยโฟมกันความร้อนอยู่ภายใน จึงไม่สามารถต้านแรงกระสุนของอาวุธสงครามจากกลุ่มติดอาวุธได้

นายชาตรี กล่าวเพิ่มเติมว่าขณะที่กำลังเตรียมไปยังบังเกอร์หลบภัย ได้ยินเสียงอาวุธสงครามจากกลุ่มติดอาวุธฮามาสด์ถูกยิงเข้ามายังแคมป์ที่พักอย่างเนื่อง ตนซึ่งกำลังเข้าห้องน้ำจึงได้ถูกคมกระสุนยิงทะลุผ่านผนังเข้ามา ตนเห็นท่าไม่ดีจึงออกมาจากแคมป์ที่พักด้วยการคลานหมอบหนีเข้าสวนผัก แต่กลุ่มกองกำลังได้ตามมาไล่ยิงอีกครั้งซึ่งในตอนนั้นก็ไม่ทราบว่าได้ถูกยิงตรงไหน แต่มีความรู้สึกชาบริเวณขาข้างที่ถูกยิงแล้ว ภายหลังจากที่หลบเข้าสวนผักได้จนเป็นสำเร็จจึงพบบาดแผลที่บริเวณหน้าขาด้านซ้ายถูกยิงทะลุด้านหลังเป็นแผลกว้าง จากนั้นจึงพยายามโทรขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแรงงานด้วยกัน แต่ไม่ใครกล้าที่จะรับสายรอกระทั่งเหตุการณ์สงบจึงได้รับการช่วยเหลือจากเพื่อนคนงานช่วยกันหาผ้าอุดแผลเพื่อหยุดเลือดไหลออกมาใว้ก่อน ต้องทนอยู่กับความงามเจ็บปวดจากบาดแผล จนกระทั่งถึบ่ายวันที่ 8 ของวันถัดมา จึงได้รับการช่วยเหลือเพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาล แพทย์ได้ทำการผ่าตัดเย็บบาดแผลให้จนเป็นที่เรียบร้อยในเวลาเที่ยงคืนโดยได้นอนพักฟื้นเพื่อสังเกตุอาการอยู่หนึ่ง เมื่อตนเห็นว่าสามารถพยุงตัวเองได้จึงขอกลับออกมาจากโรงพยาบาล จากนั้นได้ดูว่าสถานการณ์การรบดูยังไม่มีท่าทีสงบ แต่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้น ตนจึงแจ้งต่อนายจ้างเพื่อขอเดินทางกลับเมืองโดยได้ประสานกับทางการทุกช่องที่มีจนสามารถเดินทางกลับบ้านได้ในที่สุด ส่วนการวางแผนชีวิตหลังจากนี้ ก็คงทำงานเป็นลูกจ้างตัวเองด้วยการกรีดยางที่ได้ปลูกไว้ก่อนหน้านี้ 300 ต้น

นางวราชินี นามบุญแผง อายุ 37 ปีภรรยาของนายชาตรี เปิดเผยว่า ตนรู้สึกดีใจที่สามีสามารถรอดชีวิตกลับมาอยู่กันแบบพร้อมหน้าพร้อมตากันในครอบครัวกันได้อีกครั้ง จากนี้ไปคงไม่ให้สามีไปทำงานยังต่างประเทศอีกแล้ว เพราะถึงเวลาครอบครัวก็ปลดเปลื้องหนี้สินหมดแล้ว ก็พอมีเงินจำนวนหนึ่งเลี้ยงครอบครัวกันต่อไป

อัพเดทล่าสุด เมื่อ 18/10/2023 18:13 น. by อินทรีภูพาน