ข่าวอาชญากรรม

กาฬสินธุ์ผัวคลั่งฟันหัวฆ่าโหดเมียยัดศพใส่กระสอบโยนทิ้งน้ำ

ผัวเมายาคลั่งระแวงเมียปันใจใช้มีดอีโต้ฟันหัวดับ ก่อนยัดศพใส่กระสอบนำไปทิ้งโยนลงน้ำ ขณะที่ตำรวจสภ.กมลาไสยตามรวบตัวทันควัน

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 23 มีนาคม 64 ร.ต.อ.วัชรินทร์ มิเร ร้อยเวร สภ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์รับแจ้งเหตุรับแจ้งเหตุพบศพผู้เสียชีวิตถูกยัดใส่กระสอบทิ้งอยู่ในสระน้ำบริเวณทุ่งนาท้ายบ้านบึงไฮ ม.4 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ หลังรับแจ้งจึงรายไปไปยัง พล.ต.ต.สมนึก มิควาฬ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ และเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.ภูมี อีคะละ ผกก.สภ.กมลาไสย พ.ต.ท.ประพนธ์ ภูจอมนิล รองผกก.สอบสวนสภ.กมลาไสย หน่วยกู้ภัยกุดหว้าอ.กมลาไสย และแพทย์เวรโรงพยาบาลกมลาไสย

โดยที่เกิดเหตุพบศพหญิงสภาพนุ่งผ้าถุง สวมเสื้อสีแดง ท่อนบนถูกคลุมด้วยกระสอบ มัดด้วยสายไฟ และมือทั้งสองข้างถูกมัดด้วยสายไฟติดกัน ตรวจสอบตามร่างกายบริเวณศีรษะพบบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมหลายแห่ง ทราบชื่อต่อมาคือนางสาวนิว กมลาไส อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 10 ม.4 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตทะเลาะมีปากเสียงกับนายมนตรี โชติทอง สามีที่บ้านพัก เมื่อช่วงเวลา 20.00 น.วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา ก่อนจะหายตัวไปในช่วงเช้ากระทั่งพบกลายเป็นศพ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าไปสอบถามนายมนตรี ที่บ้านซึ่งยอมรับว่าเป็นคนลงมือฆ่าภรรยาของตนเอง พร้อมกับประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบบ้านพักของนายมนตรี ซึ่งพบคราบเลือดอยู่ภายในห้องนอนจำนวนมาก และพบมีดอีโต้มีคราบเลือดติดอยู่ จึงคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก

ทั้งนี้จากการสอบถามนางบังอร จันทร์ทนงค์ อายุ 43 ปี น้าผู้ก่อเหตุ ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุได้ยินเสียงทั้งสองคนมีปากเสียงทะเลาะกัน เพื่อนบ้านและญาติก็ไม่ได้เอะใจ เพราะนายมนตรีมักจะทะเลาะและทุบตีภรรยาเป็นประจำเกือบทุกวัน เนื่องจากทราบว่าเสพยาเสพติดและอาจมีอาหลอน และคลุ้มคลั่ง บางครั้งก็ระแวงภรรยาทุบตีภรรยา แต่ที่ผ่านมาก็ถึงขั้นฆ่ากัน จนมาครั้งนี้ลงมือทำร้ายและฆ่ากันจนตาย

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้คุมตัวผู้ก่อเหตุไปสอบสวนที่โรงพัก ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการหึงหวงและเสพยาเสพติดจนเกิดอาการหลอนและคลุ้มคลั่ง ก่อนที่ก่อเหตุใช้มีอีโต้ฆ่าภรรยาจนเสียชีวิตแล้วนำศพยัดใส่กระสอบก่อนนำไปโยนทิ้งในสระน้ำ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะทำการสอบปากคำผู้ก่อเหตุและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างละเลียดเพื่อหาถึงสาเหตุต่อไป