ข่าวเศรษฐกิจ

ชาวไร่มันสำปะหลังใช้ภูมิปัญญาผลิตเครื่องบดหัวมันส่งขายฟาร์มเลี้ยงวัว สร้างรายได้ในฤดูแล้ง

ชาวไร่มันสำปะหลังในอำเภอยางตลาด จังหวัดกาฬสินธุ์  เปลี่ยนรูปแบบการขายผลผลิตหัวมัน โดยใช้ภูมิปัญญาผลิตเครื่องบดหัวมัน เพื่อแปรรูปเป็นหัวมันตากแห้ง ส่งขายฟาร์มเลี้ยงวัวกินเป็นอาหารเสริมหญ้า ระบุได้ราคาสูงถึง ก ก.ละ 6 บาท ซึ่งได้มากกว่าขายหัวมันสด ที่ลานมันรับซื้อเพียง ก.ก.ละ 2 บาท คาดเป็นอาชีพทางเลือกใหม่ที่มีอนาคตสดใส สร้างรายได้ดีในฤดูแล้ง

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากสภาพอากาศที่แห้งแล้ง แหล่งน้ำและอาหารให้สัตว์เลี้ยงกินแห้งขอดและเริ่มขาดแคลน ส่งผลให้สัตว์เลี้ยง เช่น วัวร่างกายผอมโซ  เกษตรกรต้องเร่งหาอาหารมาให้กินบำรุงร่างกายแทนหญ้าที่แห้งตาย เพราะฝนทิ้งช่วงนานถึง 4 เดือน  ทั้งนี้  พบเกษตรกรชาวไร่มันสำปะหลัง ทำการบดหัวมันตากแห้ง เพื่อเป็นอาหารเสริมให้วัวได้กินในฤดูแล้ง ก่อนที่จะขยายเป็นธุรกิจส่งขายให้กับฟาร์มเลี้ยงวัวในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียง  เป็นการสร้างอาชีพใหม่ ที่ราคารับซื้อสูงกว่าการขายหัวมันสดถึง ก.ก.ละ  4 บาท

นายชัยพล ภูทองพันธุ์ ชาวบ้านหนองกุง หมู่ 2 ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า ตนมีพื้นที่ทำกิน 10 ไร่ อยู่นอกเขตชลประทาน จึงปลูกมันสำปะหลัง  ทุกปีที่ผ่านมาจะขายหัวมันสำปะหลังให้กับลานรับซื้อ ราคาไม่แน่นอน บางปี ก.ก.ละ 2 บาท ถึง 2 บาทเศษ หรือตันละ 2,000 – 2,400 บาทเท่านั้น  เมื่อหักรายจ่าย โดยเฉพาะค่าปุ๋ย ค่าแรงงาน ค่าขนส่งแล้ว แทบจะไม่เหลือเงินเลย จึงได้คิดหาวิธีการที่จะสร้างรายได้เพิ่มจากหัวมันสำปะหลังที่มีอยู่  โดยการแปรรูปเป็นอาหารสัตว์ ทั้งนี้ได้แนวคิดจากญาติที่อยู่ต่างจังหวัด จากนั้นศึกษาวิธีการทำจากยูทูป  โดยนำเครื่องสูบน้ำมาตัดแปลงเป็นเครื่องปั่นไฟ เชื่อมเหล็กเป็นโครงประกอบเป็นเครื่องบดหัวมันสำปะหลัง ซึ่งจะตากแห้ง 3 แดด  จากนั้นบรรจุกระสอบนำไปขายให้กับฟาร์มเลี้ยงวัวในราคา ก.ก.ละ 6 บาท ซึ่งได้ราคาสูงกว่าขายหัวมันสดถึง 4 บาททีเดียว  จึงตั้งเป้าไว้ว่าถ้าได้กำไรดี จะขยายเป็นธุรกิจส่งขายให้กับฟาร์มเลี้ยงวัว รวมทั้งชาวบ้านผู้เลี้ยงวัว ที่ขาดแคลนหญ้าในฤดูแล้งด้วย

ด้านนายป่อง ภูพาที ชาวบ้านหนองกุง หมู่ 1 กล่าวว่า การปลูกมันสำปะหลังต้องลงทุนสูง  และเสี่ยงต่อการได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น ปีใดฝนดีก็เสี่ยงกับการที่หัวมันจะเน่าเสียหาย ขณะที่ ปีใดประสบปัญหาภัยแล้งมันสำปะหลังก็ไม่เติบโต และให้ผลผลิตต่ำ  ไม่คุ้มกับการลงทุน ยิ่งปีนี้ฝนทิ้งช่วงไปนาน 4 เดือน ทำให้หัวมันมีขนาดเล็ก และคุณภาพแป้งต่ำ เมื่อนำไปขายที่ลานรับซื้อก็จะถูกกดราคา จึงได้คิดหาวิธีการที่จะสร้างมูลค่าเพิ่ม โดยปรับเปลี่ยนรูปแบบการขายมันสำปะหลัง จากที่เคยนำหัวมันสดไปขาย ก็เปลี่ยนเป็นการแปรรูป โดยใช้เครื่องบดหัวมันที่เกิดจากภูมิปัญญา สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ จะไปส่งขายให้กับเจ้าของฟาร์มวัว ในพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง หญ้าแห้งตาย เพื่อเป็นอาหารเสริม โดยใน ต.เขาพระนอน  อ.ยางตลาด มีชาวไร่มันสำปะหลัง หันมาแปรรูปหัวมันเป็นอาหารสัตว์เลี้ยง  3 ราย คาดว่าจะหันมาทำตามตนอีกหลายราย เพราะราคาสูงกว่าขายหัวมันสด ซึ่งอยู่ที่ก.ก.ละ 2 บาท- 2.40 บาท  เท่านั้น ขณะที่ขายหัวมันบดตากแห้ง ได้ราคาสูงถึง ก.ก.ละ 6 บาท