ข่าวการศึกษา

น้องวัย 19 ดีใจผลตรวจปัสสาวะล่าสุดเป็นลบเตรียมนำใบรับรองมอบตัวเรียนต่อคณะเภสัช

คืบหน้าน้องวัย 19 ชาวบุรีรัมย์ ดีใจผลตรวจปัสสาวะที่ รพ.บุรีรัมย์ล่าสุดพบเป็นลบ เตรียมนำใบรับรองแพทย์เดินทางไปมอบตัวและสอบสัมภาษณ์เข้าศึกษาต่อที่คณะเภสัช มหาวิทยาลัยชื่อดังที่สอบติด ส่วนผลิตภัณฑ์ผิวขาวใสที่น้องอ้างว่าสั่งมากินแล้วทำให้ตรวจพบสารเสพติด อยู่ระหว่างส่งตรวจคาด 1 สัปดาห์ทราบผล

ความคืบหน้ากรณีที่ น.ส.นภัส (นามสมมติ) อายุ 45 ปี ชาว อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์ ได้พา น.ส.จี อายุ 19 ปี ลูกสาว เข้าแจ้งลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สภ.ประโคนชัย และออกมาร้องขอความช่วยเหลือผ่านสื่อ หลังจากที่ น.ส.จี ลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลนางรอง เพื่อจะนำผลตรวจแพทย์ ไปยื่นประกอบการเข้าศึกษาต่อคณะเภสัช ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังในภาคอีสาน แต่ผลตรวจปัสสาวะกลับพบสาร “เมทแอมเฟตามีน” ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับ“ยาบ้า” ในร่างกาย ทั้งที่ลูกสาวไม่เคยเสพหรือยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดชนิดใดเลย จึงเชื่อว่าน่าจะเกิดจากที่ลูกสาวกินผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่ทำให้ผิวขาวใส ยี่ห้อหนึ่งที่สั่งซื้อมาจากอินเตอร์เน็ต ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เช้าวันนี้ (29 พ.ค.66) เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวน้องวัย 19 ไปตรวจร่างกายที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ รพ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำจังหวัดอีกครั้ง เพื่อให้ทราบผลชัดเจน

ล่าสุดเมื่อเวลาประมาณ 11.50 น. (29 พ.ค.66) ทราบผลตรวจปัสสาวะแล้ว พบเป็นลบไม่มีสารแอมเฟตามีนในร่างกายแต่อย่างใด แต่ทาง รพ.ไม่ได้ชี้แจงว่าเพราะสาเหตุใดผลตรวจที่ รพ.อำเภอถึงพบสารเสพติด แต่เมื่อมาตรวจที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดผลถึงเป็นลบ ขณะที่น้องวัย 19 บอกว่า หลังผลตรวจเป็นลบและทาง รพ.ก็ออกรับรองให้ ก็รู้สึกดีใจและเตรียมนำใบรับรองไปยื่นประกอบการมอบตัวละสอบสัมภาษณ์ ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังภาคอีสาน ที่ตนเองสอบติดคณะเภสัชฯ ในสิ้นเดือนนี้

ด้าน นพ.ภูวดล กิตติวัฒนาสาร ผอ.โรงพยาบาลบุรีรัมย์ กล่าวว่า ที่น้องวัย 19 มาตรวจปัสสาวะที่ รพ.บุรีรัมย์ครั้งนี้ เพื่อตรวจยืนยันว่ามีสารผิดปกติในร่างกายหรือไม่ หลังจากที่ไปตรวจ รพ.นางรอง แล้วพบสารเมทแอมเฟตามีนจึงเกิดความกังวล แต่ระยะเวลาที่ผ่านมาหลังอาจจะพบหรือไม่พบก็ได้ แต่หากผลตรวจเป็นลบทางแพทย์ก็สามารถออกใบรับรองให้ได้ ส่วนปัจจัยอะไรที่ทำให้ผลเป็นลบหรือเป็นบวกก็ต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม แต่จะเป็นเพราะผลิตภัณฑ์ที่น้องกินเข้าไปหรือไม่ ทาง รพ.ไม่สามารถไปก้าวก่ายได้ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่ดูแลรับผิดชอบในการตรวจสอบตามกระบวนการขั้นตอน