ญาติเศร้ารับศพสาววัย 27 ปีเหยื่อพิษรักแรงหึงที่ถูกสามีบีบคอตายทิ้งศพไว้ในห้องพักรีสอร์ท เผยผู้เสียชีวิตขอเลิกเพราะทนพฤติกรรมหึงหวงและถูกทำร้ายไม่ไหว สุดท้ายต้องมาจบชีวิตทั้งที่เป็นเสาหลักของครอบครัว โดยการจากไปอย่างกะทันหัน
จากกรณี น.ส.ภัคจิรา เซี่ยงไหล อายุ 27 ปี ถูกนายพงษ์เทพ พิมพะแสง อายุ 28 ปี สามีที่อยู่กินด้วยกันมากว่า 3 ปี แต่ยังไม่แต่งงานบีบคอจนเสียชีวิตแล้วทิ้งศพไว้ในห้องพังของรีสอร์ทแห่งหนึ่งที่บ้านโคกศรี ต.อุ่มเม่า อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ โดยหลังเกิดเหตุนายพงษ์เทพ ได้นั่งเฝ้าศพไว้ก่อนจะไปบอกแม่แล้วพากันปรึกษากับตำรวจสภ.ยางตลาด กระทั่งเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้สอบสวน ซึ่งเจ้าตัวให้การรับสารภาพว่าเป็นคนลงมือบีบคอ น.ส.ภัคจิรา จนเสียชีวิต เนื่องจากมีปากเสียงกัน และเกิดความหึงหวงกลัวว่า น.ส.ภัคจิรา จะไปมีคนใหม่ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 1 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่วัดป่าทุ่งศรีเมือง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ญาติได้นำศพของน.ส.ภัคจิรา กลับมาจาก โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น เพื่อมาบำเพ็ญกุศลที่ศาลาวัดป่าทุ่งศรีเมือง โดยมีนายชยพล วัชระอุดมกุล อุปนายกสมาคมกู้ภัยสามัคคีกาฬสินธุ์ และอาสากู้ภัยสามัคคีกาฬสินธุ์ได้ช่วยอำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายศพกลับมา ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นไปด้วยความเศร้าโศกเสียใจของญาติและเพื่อนๆที่ร่วมงาน
นายกาชาด มาตฤทธิ์ อายุ19 ปี น้องชายผู้เสียชีวิต กล่าวว่า สำหรับน.ส.ภัคจิรา และนายพงษ์เทพ นั้นคบหาและอยู่กินด้วยกันมากว่า 3 ปีแล้ว แต่ไม่ได้แต่งงานกัน ซึ่งระยะหลังนายพงษ์เทพที่มักมีนิสัยหึงหวง ทำให้ทั้งสองคนมักที่จะมีเรื่องทะเลาะกันบ่อยครั้ง และหลายครั้งพี่สาวถูกทำร้ายร่างกาย กระทั่งประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา พี่สาวได้ขอเลิกกับนายพงษ์เทพ เพราะทนกับความหึงหวงและต้องมีปากเสียงกันบ่อยครั้งไม่ไหว พร้อมกับเดินทางไปหางานทำที่กรุงเทพฯและได้กลับมาที่บ้าน จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน และในวันเกิดเหตุทราบว่าน.ส.ภัคจิราได้ไปเที่ยวกับเพื่อนผู้หญิงที่เคยทำงานด้วยกัน แต่นายพงษ์เทพ ซึ่งทราบข่าวว่าน.ส.ภัคจิรากลับมา ก็ไปพาตัวมาที่รีสอร์ท เพื่อสอบถามและคาดว่าจะขอคืนดี แต่คิดว่า น.ส.ภัคจิรา ไม่ยอมคืนดีด้วย ซึ่งอาจทำให้นายพงษ์เทพเกิดความโมโห และเข้าใจว่าน.ส.ภัคจิราไปมีแฟนคนใหม่ จึงเกิดการทะเลาะกันและลงมือทำร้ายบีบคอจนเสียชีวิตดังกล่าว อย่างไรก็ตามสำหรับน.ส.ภัคจิรา นั้นเป็นพี่สาวที่แสนดี มีนิสัยร่าเริง อัธยาศัยดี เป็นที่รักของเพื่อนๆและถือเป็นเสาหลักของครอบครัว เพราะเป็นพี่สาวคนโต ต้องทำงานเลี้ยงน้อง 3 คน และลูกอีก 3 คน เนื่องจากพ่อและแม่เสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว แต่กลับมาจากไปอย่างกะทันหันจึงไม่รู้ว่าครอบครัวจะทำอย่างไรต่อไป
ด้านนางราตรี จำเริญสรรพ์ อายุ 49 ปี ญาติผู้เสียชีวิต กล่าวว่า วันเกิดเหตุคือคืนวันที่ 28 พฤศจิกายน 2562 ทราบว่า น.ส.ภัคจิรา ได้ไปเที่ยวงานคอนเสริตที่บริเวณหน้าห้างสรรสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมืองกาฬสินธุ์ จากนั้นได้พากันไปเที่ยวต่อที่เธคแห่งหนึ่ง ซึ่งระหว่างนั้นนายพงษ์เทพได้ขี่รถจยย.มาพาเอาตัวน.ส.ภัคจิราออกไป เพื่อที่จะขอคุยด้วย กระทั่งไม่มีใครสามารถติดต่อได้ และไม่มีใครรู้ว่านายพงษ์เทพพาน.ส.ภัคจิราไปไหน กระทั่งมาทราบข่าวว่า น.ส.ภัคจิรา เสียชีวิตถูกบีบคอจนตายในรีสอร์ท อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาทั้งสองคนนั้นมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง สาเหตุเกิดจากความหึงหวง และล่าสุดทราบว่าน.ส.ภัคจิรา ได้ขอเลิกกันกับนายพงษ์เทพ แต่คาดว่าฝ่ายชายจะกลับมาขอคืนดี แต่ไม่สำเร็จจนเป็นเหตุสลดใจดังกล่าว
ขณะที่นายชยพล วัชระอุดมกุล อุปนายกสมาคมกู้ภัยสามัคคีกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่กู้ภัย พร้อมพนักงานสอบสวน สภ.ยางตลาด และแพทย์เวรโรงพยาบาลยางตลาด ร่วมชันสูตรศพ น.ส.ภัคจิรา ที่ห้องพักในรีสอร์ท ซึ่งเกิดเหตุเมื่อเวลาประมาณ 23.20 น.ของวันที่ 29 พ.ย.ดังกล่าว เบื้องต้นทางเจ้าของหรือพนักงานรีสอร์ทยังไม่ทราบเรื่อง คนที่เห็นศพคนแรกคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่เข้าไปตรวจสอบตามเบาะแสและคำให้การของนายพงษ์เทพ สามีที่เป็นคงลงมือบีบคอ น.ส.ภัคจิราจนเสียชีวิต จากนั้นจึงแจ้งพนักงานสอบสวนและอาสากู้ภัยสามัคคีกาฬสินธุ์ร่วมตรวจสอบและชันสูตรศพ
นายชยพล กล่าวอีกว่า โดยสภาพศพที่เห็นครั้งแรกนั้น นอนหงาย ใช้ผ้าห่มคลุมเหมือนคนนอนหลับปกติ ภายในห้องไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ทรัพย์สินส่วนตัวของผู้ตายทั้งสร้อย แหวน เงินสด ไม่เสียหาย แต่น่าสงสัยตรงที่มีน้ำลายฟูมปาก และเลือดออกที่จมูกทั้ง 2 ข้าง ซึ่งยังไม่ทราบว่าเสียชีวิตจากสาเหตุใด จากนั้น จึงได้เคลื่อนศพไปเก็บที่ห้องพักศพโรงพยาบาลยางตลาด เพื่อรอญาติและเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบอีกครั้ง ก่อนที่จะนำศพไปผ่าพิสูจน์เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงที่โรงพยาบาลศูนย์ขอนแก่นดังกล่าว
สำหรับความคืบหน้าของคดีทางพนักงานสอบสวนสภ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ได้นำตัวนายพงษ์เทพ ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2562 โดยแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นสาเหตุทำให้ถึงแก่ความตาย