ข่าวการเมือง

หนองบัวลำภู เปิดรับสมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขตวันแรกคึกคัก

ผู้สมัครตัวเต็ง มากันแต่เช้า บรรยากาศผู้สมัคร ทักทาย หยอกเหย้า เป็นกัลยาณมิตรภาพการเมืองคนรุ่นใหม่ ขณะที่ วิชัยฯหัวหน้าทีมพรรคไทยสร้างไทย ขอโอกาสคนหนองบัวลำภู เปลี่ยนความรู้สึกที่ปลูกฝัง ยึดมั่น ติดมั่น กับคำว่าเสื้อแดง กับคำว่าเพื่อไทย มาเป็น ไทยสร้างไทย

เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหอประชุมอนาลโย ภายในศูนย์ราชการจังหวัดหนองบัวลำภู นายกิตติคุณ ศิริโยธา ผู้อำนวยการเลือกตั้งประจำจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กกต.และเจ้าหน้าที่ในการรับสมัคร โดยมี นายสุวิทย์ จันทร์หวร ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พร้อมด้วย นายอนุพงษ์ คำภูแก้ว นายศศิน พัฒนภิรมย์ รอง ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู พล.ต.ต.พงพิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ ผบก.ภ.จว.หนองบัวลำภูได้มาร่วมอำนวยความสะดวกในการรับสมัคร ส.ส.แบบเขต ซึ่งเขตเลือกตั้งที่ 1 ได้มี นายชาติชาย ฤาคำหาร เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้งที่ 2 นายณรงค์ คงสิลา เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายสุรชาติ ชัยทองดี เป็นผู้อำนายการเลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ได้ทำการประชาสัมพันธ์ชี้แจงทำความเข้าใจให้กับผู้สมัคร ที่ได้เดินทางมายื่นเอกสาร โดยผู้สมัครที่มา ทำการยื่นเอกสารลงทะเบียนเป็นคนแรกของ จังหวัดหนองบัวลำภู คือ ว่าที่ พ.ต.ดร.สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ เขตเลือกตั้งที่ 2 ได้มาลงทะเบียนตั้งแต่เวลา 06.09 น.


จากนั้นได้มีผู้สมัคร รายอื่นๆ ทยอยเดินทางมาอย่างต่อเนื่องก่อนเวลาที่จะถึงเวลา 08.30 น. ซึ่งจังหวัดหนองบัวลำภู มีเขตเลือกตั้งทั้งหมด 3 เขต โดยในเขตเลือกตั้งที่ 1 มีผู้สมัครเดินทางมาถึงก่อนเวลาลงทะเบียน 9 คน เขตเลือกตั้งที่ 2 มีผู้สมัครเดินทางมาถึงก่อนเวลาลงทะเบียน 8 คน และเขตเลือกตั้งที่ 3 มีผู้สมัครเดินทางมาถึงก่อนเวลาลงทะเบียน 9 คน ทั้ง 3 เขต ผู้สมัครที่เดินทางมาถึงก่อนไม่สามารถตกลงกันได้ แต่บรรยากาศการมาเห็นกัน ได้มีการโอบกอด จับมือทักทาย พูดจาหยอกล้อกัน ของผู้สมัคร จากสังกัดพรรคต่างๆ ที่ส่วนมากต่างมาจากนักการเมืองท้องถิ่น นักการเมืองในพื้นที่ ซึ่งต่างมีความรู้จักสนิทสนมคุ้นเคยกัน หรือแม้แต่ผู้สมัครบางคนที่ย้ายค่าย ย้ายพรรคไป ก็ได้มีการทักทายกัน ที่ถือว่า การเลือกตั้งเป็นเพียงเกมทางการเมือง แต่ความเป็นพี่น้องกัลยาณมิตรของทุกคนยังเหมือนเดิม

และเมื่อถึงเวลา 08.30 น. มีผู้สมัครมาก่อนเวลา ทางเจ้าหน้าที่ กกต.ที่รับสมัคร ได้สอบถามว่า จะให้ลำดับหมายเลขตามเวลาที่มาหรือจะต้องทำการจับสลาก โดยให้ทางผู้สมัครพูดคุยกันทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง แต่ผู้สมัคร ไม่สามารถตกลงกันได้จึงได้ทำการจับสลากเพื่อให้ได้หมายเลข โดย เขตเลือกตั้งที่ 1 หมายเลข 1 นายประไว คงอาษา พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 2 นายทรงศักดิ์ ศิริสถิตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ หมายเลข 3 นายวิมาน หนูท้าว พรรคพลังสังคมใหม่ หมายเลข 4 นายสมพาน ศรีหอม พรรคภูมิใจไทย หมายเลข 5 นายสุวรรณ สวัสดิ์ซิตัง พรรครวมแผ่นดิน หมายเลข 6 นายสุปัญญา ชัยโสภา พรรคก้าวไกล หมายเลข 7 นางศรัณยา สุวรรณพรหม พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 8 นายสุรชัย ทวีคูณ พรรคไทยสร้างไทย และหมายเลข 9 นายสยาม หัตถสงเคราะห์ พรรคเพื่อไทย หมายเลข 10 นางสาวขวัญหทัย ชุมแวงวาปี พรรคเสรีรวมไทย

เขตเลือกตั้งที่ 2 หมายเลข 1 นายธีระชนา ด่านพงษ์ พรรคเพื่อชาติ หมายเลข 2 นายรุ่งเพชร ศรีกาญจนา พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 3 นายไชยา พรหมา พรรคเพื่อไทย หมายเลข 4 นายประสิทธิ์ ภานุวงศ์ พรรคภูมิใจไทย หมายเลข 5 นายสาวิทย์ หลาบมาลา พรรคพลัง หมายเลข 6 ว่าที่ พ.ต.ดร.สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 7 นายทรงเดช มหาเสนา พรรคก้าวไกล และหมายเลข 8 นายศรายุทธ ศิริสถิตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ หมาเลข 9 นางยุพิน ทีดี พรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 10 นายสุวัฒน์ โกศล พรรคแรงงานสร้างชาติ

เขตเลือกตั้งที่ 3 หมายเลข 1 นายอภิรัฐ มุกขะกัง พรรครวมไทยสร้างชาติ หมายเลข 2 นายทองสุก บุญอบ พรรคพลัง หมายเลข 3 นายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี พรรคไทยสร้างไทย หมายเลข 4 นายณพล เชยคำแหง พรรคเพื่อไทย หมายเลข 5 นายชัชชาย พาโพธิ์พันธ์ หมายเลข 6 น.ส.ประภาลักษณ์ สิทธิ พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 7 นายพีรพงศ์ สุวรรณพงศ์ พรรคภูมิใจไทย หมายเลข 8 นายสมเกียรติ เชษฐสุมน พรรคก้าวไกล และ หมายเลข 9 น.ส.ณภัทธิรา โชติโอพัชกุล พรรคประชาธิปัตย์

หลังจากได้หมายเลขของผู้สมัคร ตามที่จับสลากได้แล้ว แต่ละคนต่างพากันลงมาหากลุ่มผู้สนับสนุน ซึ่งพากันรออยู่ด้านหน้าห้องประชุมอนาลโย ตามกลุ่มที่ตนเองสังกัด ใส่เสื้อตามพรรคการเมืองที่ตนเองสนับสนุน แต่พรรคที่มีกลุ่มผู้สนับสนุนมาค่อนข้างจำนวนมากหนาตา คือ พรรคเพื่อไทย กับ พรรคไทยสร้างไทย ที่มีกลุ่มผู้สนับสนุนมาให้กำลังใจจำนวนใกล้เคียงกัน ทำให้บรรยากาศเสียงร้องเชียร์พรรคที่ตัวเองสนับสนุนหลังจากที่ผู้สมัครได้หมายเลขแล้ว ลงมาแจ้ง กึกก้องไปทั่วศาลกลางจังหวัดหนองบัวลำภู มีการคล้องมาลัย ชูป้ายเชียร์กันอย่างคึกคัก และหลังจากนั้น แต่ละพรรคได้ทยอยเคลื่อนขบวนออกจากศาลากลาง ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำจังหวัดที่ เคารพสักการะของชาวหนองบัวลำภู ที่อยู่ภายในอำเภอเมืองหนองบัวลำภู เช่น ศาลหลักเมือง ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระวอ พระตา และปู่หลุบ ที่ผู้สมัครจากพรรคต่างๆ พากันหมุนเวียนสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันทั่วทั้งจังหวัด

ทางด้าน นายวิชัย สามิตร หัวหน้าทีมผู้สมัครพรรคไทยสร้างไทย ทั้ง 3 เขต และผู้สมัครบัญชีรายชื่อของพรรคไทยสร้างไทย รวมทั้ง นางเกษร บุดดา อดีตประธานสตรีจังหวัดหนองบัวลำภูและอดีตประธานกลุ่มคนเสื้อแดงหนองบัวลำภูที่ส่งสามีลงสมัคร ได้พาผู้สมัคร ทั้ง 3 เขต คือ เขตเลือกตั้งที่ 1 นายสุรชัย ทวีคูณ เขตเลือกตั้งที่ 2 นายรุ่งเพชร ศรีกาญจนา และเขตเลือกตั้งที่ 3 นายณัฐวุฒิ กองจันทร์ดี ไปร่วมกันประกาศเจตนารมย์ของการเป็นลูกหลานเมืองหนองบัวลำภู ต่อหน้าศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หน้าศาลพระวอพระตา จากนั้นจึงไปต่อที่ศาลปู่หลุบ เพื่อขอให้ประทานพรให้ได้รับชัยชนะทั้ง 3 เขต

นายวิชัย สามิตร กล่าวว่า ผู้สมัครที่ส่งลงสมัครนั้นล้วนเป็นลูกหลานของชาวหนองบัวลำภูโดยกำเนิด และขอให้พรรคเป็นทางเลือก ทางออกของประเทศไทยและขอเรียนเชิญพี่น้องชาวจังหวัดหนองบัวลำภู มาร่วมชนะไปด้วยกัน โดยในวันนี้ถือว่าเป็นหัวหน้าทีม ผู้สมัครทั้ง 3 เขต ของหนองบัวลำภู ค่อนข้างมีความมั่นใจเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ในการเตรียมผู้สมัครทั้ง 3 เขต และตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ทุกคนลงพื้นที่อย่างหนัก โดยเฉพาะชาวหนองบัวลำภู ต้องการเปลี่ยนพรรค ผมยืนยันว่า ไทยสร้างไทยก็คือทางออก และทางรอดของประเทศไทยและก็เชิญชวนชาวหนองบัวลำภู มาร่วมชนะไปด้วยกันทั้ง 500,000 คน

มาเปลี่ยนแปลงจากพรรคเดิมที่พี่น้องประชาชนเคยปลูกฝัง เคยยึดติด มาร่วมกันเปลี่ยนเป็นไทยสร้างไทย มีผู้นำพรรคที่มีประสบการณ์ทางการเมืองมานกว่า 30 ปี พร้อมที่จะนำพาประเทศชาติบ้านเมืองก้าวให้พ้นความขัดแย้ง นโยบายที่จากการลงพื้นที่ และได้รับเสียงตอบรับจากพี่น้องคือ บำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาทเพราะทุกคนเกิดมาอายุ 60 ปี ก็ยังอยู่อย่างอัตคัดขัดสน การใช้จ่ายไม่เพียงพอ ทำให้ผู้สูงอายุสามารถที่ยืนอยู่ได้ด้วยลำพัง ลูกหลาน ไปทำงานก็ไม่ต้องเป็นห่วง

นายวิชัยฯกล่าวว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ จากอดีตแต่ก่อนตัวเองเคยอยู่พรรค ไทยรักไทย และเพื่อไทย แต่ย้ายมาไทยสร้างไทย ในการสมัครรับเลือกตั้งนั้นก็รู้สึกหนักใจหรือไม่ ซึ่ง นายวิชัย กล่าวว่า ในการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะลงสมัครอะไรก็ตามคือทุกคนคือคู่แข่ง และโดยเฉพาะนักการเมืองใหญ่มีพรรคการเมืองหนุน การที่พี่น้องประชาชนจะตัดสินใจเลือกนั้น พรรคก็มีผล ต่อคะแนนผู้สมัครแต่ละเขต แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าพรรคไทยสร้างไทยจะเป็นพรรคใหม่ เราก็ไม่ย่อท้อ พยายามที่จะอธิบาย จะขยายความ เดี๋ยวนี้มั่นใจว่าพี่น้องประชาชนเข้าใจ น่าจะสามารถเปลี่ยนความรู้สึกที่ปลูกฝัง ยึดมั่น ติดมั่น กับคำว่า กับคำว่า เสื้อแดง กับคำว่าเพื่อไทย มาเป็นไทยสร้างไทย เพราะทุกคนมองเห็นทางออกและทางรอดของประเทศ เราจะเป็นพรรคสายกลางไม่แบ่งฝ่าย เป็นทางเลือกและทางรอดของประเทศ