ข่าวสังคม

“พระเล็ก” ดับเครื่องชนศรัทธาคนกาฬสินธุ์ ส่งพระเลขาฯบุกยึดวัดป่าแพงศรีสำเร็จ แต่เหตุการณ์สุดวุ่นวายชาวบ้านรู้ข่าวลุยขับไล่ แต่เจ้าอาวาสเซ็นต์รับรับรองพระต่างถิ่นเข้าวัดให้เปิดโอกาสให้ “พระเล็ก” ลุยปราบสงฆ์สายป่าแล้ว

แฉ “พระเล็ก” เปิดฉากดับเครื่องชนวัดศรัทธาชาวพุทธกาฬสินธุ์ทันที เมื่อกระแสข่าวลือเป็นจริงว่า เจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรี อำเภอกมลาไสย เซ็นรับรอง พระจากจังหวัดเลย ว่าที่เลขาฯ “พระเล็ก” เข้าสังกัดวัด ที่จะมีผลให้การแต่งตั้งเลขานุการพระเล็กสมบูรณ์พร้อมทำหน้าที่เจ้าคณะจังหวัดทันที ล่าสุดส่งเลขาฯใหม่ ลุยยึดวัดป่าแพงศรี อำเภอกมลาไสย ก่อนนั่งฉันท์เช้าสบายใจโดยมี ตำรวจ ทหารคุ้มครองดูแล หวังลงหลักปักฐานใช้เป็นสำนักงานเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เตรียมการกวาดล้างสงฆ์สายป่าตามเสียงคลิปอ้างเบื้องบนในทุกจังหวัด แต่ไม่ทันข้ามวันเกิดเหตุโกลาหล เมื่อญาติ โยม รู้ข่าวนับร้อยบุกประท้วงชูป้ายขับไล่หนีแทบไม่ทัน

เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2564 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานถึงกระแสการต่อต้าน “พระเล็ก” หรือ พระครูสุทธิญาณโสภณ (เล็ก สุทธิญาโณ) เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์(ธ) รูปใหม่ ที่ดูเหมือนว่า “พระเล็ก” น่าจะยุติความคิดที่จะเข้ามาปกครองคณะสงฆ์กาฬสินธุ์ เพราะเป็นที่แน่ชัดว่า ทั้งคณะสงฆ์และฆารวาสประกาศต่อต้านและไม่ต้อนรับให้ “พระเล็ก” เข้ามาปกครองคณะสงฆ์กาฬสินธุ์ ตามมติมหาเถรสมาคมลงวันที่ 30 กันยายนที่ผ่าน มีการปลด 3 เจ้าคณะจังหวัด เพราะต่างเชื่อว่าเป็นคำสั่งที่ไม่เป็นธรรม สอดไส้ จึงเป็นคำสั่งที่ ขัดต่อ พ.ร.บ.สงฆ์ ขัดต่อ จารีตประเพณี ขัดต่อหลักปฏิบัติของคณะสงฆ์สายธรรมยุติ ที่จะยึดเอาพรรษาเป็นหลักเพื่อนำการปกครอง จึงทำให้เกิดวิกฤตศรัทธา คณะสังฆาธิการลาออกทั้งจังหวัดและมีการปักป้ายไม่ต้อนรับ “พระเล็ก” กินเวลาเกือบจะครบ 3 เดือน ที่ชาวบ้านคาดหวังผลการถวายฎีกาต่อในหลวงรัชกาลที่ 10 รวมไปถึงการแก้ไขจาก มหาเถรสมาคมและสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้เข้ามาสร้างความเป็นธรรมเพื่อยุติปัญหานี้

ปัจจุบัน ก็ยังไม่มีความชัดเจนต่อกระบวนการแก้ไขจากฝ่ายใด โดยเฉพาะกรณี เจ้าคุณบัวศรี หรือ พระเทพสารเมธี เจ้าอาวาสวัดประชานิยม จ.กาฬสินธุ์ ที่ถูกปลดออกจากเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ ทำให้ชาวบ้านที่ไม่พอใจปักป้ายประท้วงทั้งจังหวัด และรวมไปถึงการแสดงพลังของคณะสงฆ์ทั้ง 20 จังหวัดภาคอีสาน กว่า 1,500 รูป เป็นพระจากสายธรรมยุติและสายมหานิกาย แสดงพลังสวดขับไล่ส่ิงชั่วร้ายในบทสวด อุปปาตะสันติหรือมหาสันติงหลวง ที่สะเทือนเลื่อนลั่นไปทั้งประเทศเมื่อวันเสาร์ที่ 11 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา และยังมีการจัดเวรยามเฝ้าระวังเพื่อเคลื่อนไหวต่อต้าน เนื่องจากมีกระแสข่าวลือว่า “พระเล็ก” สามารถเจาะวัดในจังหวัดกาฬสินธุ์ด้วยการส่งพระจากจังหวัดเลย เข้ามาในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์สำเร็จ ที่จะทำหน้าที่ในการเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์

ล่าสุดข่าวลือนี้ได้กลายเป็นความจริงขึ้นมาทันที เมื่อในช่วงเช้าของวันนี้ ที่วัดป่าแพงศรี ตำบลหลักเมือง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พระอาจารย์ชล พระลูกวัดป่าแพงศรี ได้นำ พระอาจารย์รุ่ง ซึ่งเป็นพระจากจังหวัดเลย ว่าที่เลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ของ “พระเล็ก” ไปนั่งฉันท์เช้าภายในวัด ท่ามกลางความตกตะลึงของญาติโยมที่เข้าไปถวายภัตตาหาร เมื่อทราบว่า พระองค์นี้คือตัวแทนของ “พระเล็ก” เจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ รูปใหม่ ซึ่ง พระครูอินทรวิชัย (อินทร์ ฐิตญาโณ) เจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรี เจ้าอาวาส ก็ได้เซ็นรับเข้าสังกัดวัดเป็นพระลูกวัดถูกต้องตาม พ.ร.บ.สงฆ์ฯ จึงทำให้เกิดการรวมตัวทันที ด้วยเทคโนโลยีทางไลน์แจ้งข่าวทางโทรศัพท์ ในเวลา 10.00 น. ชาวบ้านตำบลหลักเมือง และจากหลายอำเภอได้ทยอยเดินทางไปชูป้ายร้องตะโกนขับไล่ พระรุ่ง ทันที โดย พระรุ่ง ได้พยามอธิบายว่าจะเข้ามาพัฒนาให้คณะสงฆ์กาฬสินธุ์เจริญรุ่งเรือง แต่ทางญาติโยมก็ยืนการและตั้งคำถามกลับไปว่า ทำไมไม่แนะนำให้ “พระเล็ก” ลาออกเพื่อหยุดปัญหาแตกแยกในคณะสงฆ์

การเจรจาเกิดขึ้นนานเกือบ 30 นาที เมื่อ พระรุ่ง ไม่ยอมรับฟังเสียงคัดค้าน ทำให้ญาติโยมด้านนอกเคลื่อนไหวเริ่มร้องตะโกนขับไล่ออกไปให้พ้นวัด ซึ่ง พระรุ่ง เห็นท่าไม่ดีจึงรีบให้ลูกศิษย์สตาท์รถที่จอดอยู่ด้านนอนก่อนที่จะขับหลบหนีออกไป ทำให้ญาติธรรมที่เดินทางมาสมทบเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้ร่วมกันตะโกนขับไล่ ขณะที่มีรายงานว่ามี บุคคลคล้าย ทหาร ตำรวจ ที่เข้ามาสังเกตการ มีการต่อปากต่อคำกับชาวบ้านด้วยกล่าวหาว่า ชาวบ้านที่มาขับไล่ไม่ใช่คนในพื้นที่ จึงทำให้มีปากเสียงและมีการขับไล่ตำรวจ ทหารกลุ่มดังกล่าวออกไป

นางกุสุมา แจ่มใส อายุ 60 ปี ทายิการวัดป่าแพงศรี บ้านเลขที่ 2/2 หมู่ที่ 2 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การที่พระรุ่งเข้ามาในครั้งนี้มาด้วยการมีนัยยะ เนื่องจากเมื่อช่วงสองสัปดาห์ก่อนตามกระแสข่าวลือว่า พระเล็ก มาที่วัดป่าแพงศรี นั้น ข้อเท็จจริง มีพระสุชล วัดป่าจิก บ้านไผ่สีทอง ต.หนองตาไก้ อ.โพธิ์ชัย จ.ร้อยเอ็ด เป็นพระเพื่อนกับ พระอาจารย์ชล พระลูกวัดป่าแพงศรี ได้ของให้พระอาจารย์ชล รับเอา พระรุ่ง ที่มาจาก จ.เลย มาเข้าสังกัดเป็นพระลูกวัดป่าแพงศรี โดยอ้างว่าจะมาช่วยพัฒนาวัด ซึ่งทายกและทายิกาวัด ก็เห็นดีเห็นงามว่าเป็นการเข้ามาพัฒนาวัด โดยคิดไม่ถึงว่าจะเป็นสายของ พระเล็ก ที่คนกาฬสินธุ์ขับไล่ ทาง พระครูอินทรวิชัย (อินทร์ ฐิตญาโณ) เจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรี เจ้าอาวาส จึงได้เซ็นรับเข้าสังกัด


“ต่อมาในวันนี้ เมื่อ “พระรุ่ง” เดินทางมาถึง ก็ได้ประกาศว่าตนเองคือ เลขานุการ “พระเล็ก” ทำให้ชาวบ้านทุกคนที่ร่วมกันถวายภัตตาหารตกใจ และรีบแจ้งข่าวทางไลน์ในทันที จึงได้มีการรวมตัวขับไล่ “พระรุ่ง” ให้ออกไปเช่นกัน
“สิ่งที่เกิดขึ้น ไม่ต้องการให้ต่อว่า พระครูอินทรวิชัย (อินทร์ ฐิตญาโณ) เจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรี เจ้าอาวาส เพราะท่านอายุมากกว่า 80 ปี แล้ว แต่เชื่อว่าตอนที่คุยกัน พระรุ่ง กับ พระชล ไม่พูดความจริง จึงทำให้ตกหลุมพราง แต่อย่างไรก็ตาม ก็จะทำการขับไล่ต่อไป”

นายสมหวัง ชำนองจิต อายุ 63 ปี ทายกวัด บ้านเลขที่ 111 หมู่ที่ 2 ต.หลักเมือง อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า รู้สึกตกใจและเสียใจอย่างมาก ที่ไปตกหลุมพรางเค้าแล้ว จริงๆก็ต้องการให้ “พระเล็ก” หยุดพฤติกรรมที่จะต้องมาเป็นเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ให้ได้ เพราะถึงอย่างไรชาวบ้านก็ไม่ต้อนรับ และหากมีการเข้ามาพื้นที่ก็จะถูกขับไล่อีกซึ่งได้ไม่ได้เป็นผลดีต่อทางพระพุทธศาสนา จึงของให้พระเล็กลาออกเถอะ

อย่างไรก็ตามภายหลังที่ พระรุ่ง ว่าที่เลขา “พระเล็ก” หลบหนีไป ชาวบ้านยังได้เดินประท้วงรอบวัดแสดงพลังและทำการติดป้ายที่เขียนกันขึ้นมาใหม่ ไม่ต้องรับ “พระรุ่ง” และ “พระเล็ก” แต่กรณีนี้คงจะทำอะไรไม่ได้มาก เพราะผลของการที่ พระครูอินทรวิชัย เจ้าอาวาสวัดป่าแพงศรี ได้เซ็นรับเข้าสังกัด ทำให้มีผลทางกฏหมายต่อ พ.ร.บ.สงฆ์ฯ ที่จะทำให้ “พระเล็ก” ได้เซ็นรับรองแต่งตั้งเป็นเลขานุการเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์ เต็มตัว แม้จะไม่สมารถอยู่วัดในจังหวัดกาฬสินธุ์ ผลขอการแต่งตั้งก็จะทำให้ พระเล็กและพระรุ่ง สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามตำแหน่งดังกล่าวได้ กระแสข่าวใหม่จึงดังขึ้นอีกครั้งเมื่อสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ การเดินหน้าต่อไปของพระเล็ก ก็จะทำการจับสึก หลวงปู่เมืองแห่งวัดป่ามัชฌิมาวาส ตำบลลำพาน อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมกับทำการถอดสมณะศักดิ์ เจ้าคุณบัวศรี และ เจ้าคุณแผน จากนั้นก็จะทำการเก็บกวาดล้างบางคณะสงฆ์ธรรมยุติ ในจ.อุดรธานี และ จ.หนองคาย ที่คาดว่าจะเกิดเหตุการที่รุนแรงบานปลายกลายเป็นปัญหาสังฆเภทใหญ่ตามที่หลายคนพยามที่จะปกป้อง แต่ในทางกลับกันไม่ได้รับการแก้ไขจากผู้มีอำนาจแต่อย่างใด