ข่าวสังคม

นครพนม ปล่อยพันธ์ปลา 200,046 ตัว ถวายเป็นพระราชกุศล แด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา

วันที่ 2 มิถุนายน 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณหนองขี้เหล็ก บ้านกลาง ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมืองนครพนม จังหวัดนครพนม นายวันชัย จันทรพร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เป็นประธานนำคณะหัวหน้าส่วนราชการ เจ้าหน้าที่ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและประชาชนในพื้นที่ร่วมประกอบพิธีปล่อยพันธุ์สัตว์น้ำ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี ที่สำนักงานประมงจังหวัดนครพนม ร่วมกับ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเพาะสัตว์น้ำจืดนครพนม อำเภอเมืองนครพนม และองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านกลางจัดขึ้น เพื่อให้หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมกันแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการเทิดพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี และเป็นการเพิ่มผลผลิตสัตว์น้ำในแหล่งน้ำธรรมชาติของชุมชน ทั้งเป็นการสร้างให้ทุกคนได้เห็น เกิดการเรียนรู้ ตระหนักในทรัพยากรที่ชุมชนมี เกิดความรัก ความหวงแหนและให้ความสำคัญในการอนุรักษ์พันธุ์สัตว์น้ำ การอนุรักษ์ป่าไม้ในชุมชน ทำให้ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมคงอยู่คู่กับชุมชนไปตราบนานเท่านาน

โดยก่อนเริ่มกิจกรรมทุกคนได้พร้อมใจกันประกอบพิธีถวายความเคารพ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี จากนั้นประธานกล่าวคำกราบบังคมทูล และมอบมอบใบประกาศเกียรติคุณให้ผู้ใจบุญที่ได้บริจาคที่ดิน สำหรับใช้เป็นถนนสาธารณะให้ประชาชนในชุมชนได้ใช้สัญจรไปมา จำนวน 10 ราย จากนั้นจึงได้ร่วมกันปล่อยพันธุ์ปลา จำนวน 200,049 ตัว ลงสู่หนองขี้เหล็ก ซึ่งเป็นแหล่งน้ำสาธารณะ มีเนื้อที่ 24 ไร่ ที่ประชาชนในบ้านกลาง หมู่ที่ 4 ได้ใช้ในการหล่อเลี้ยงชีวิต ทำการประมง และใช้ในการทำเกษตรกรรมมาอย่างยาวนาน โดยพันธุ์ปลาที่ปล่อยประกอบไปด้วย ปลาตะเพียนทอง 100,000 ตัว ปลาตะเพียนขาว 50,000 ตัว ปลากระแห 50,000 ตัว และปลาบึก 46 ตัว

นอกจากนี้ทุกคนยังได้ร่วมกันปลูกต้นยางนาที่เป็นไม้เศรษฐกิจ ที่นอกจากเมื่อเติบใหญ่จะให้ร่มเงาที่ร่มเย็นแล้ว ยังสามารถนำน้ำมันจากต้นยางมาใช้ประโยชน์สร้างเป็นน้ำมันไบโอดีเซล ทดแทนน้ำมันดีเซลที่ใช้กับเครื่องจักรกล รถไถนาเดินตาม เครื่องสูบน้ำ เครื่องตัดหญ้า และเครื่องยนต์รอบต่ำได้โดยไม่มีปัญหา ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในครัวเรือนให้กับเกษตรกร