ข่าวสังคม ข่าวอัพเดทรายวัน

ผู้แทนพระองค์ มอบใบประกาศนียบัตรโครงการพระราชทาน “โคกหนองนาและความหวัง”

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นผู้แทนพระองค์ ในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรมในโครงการพระราชทาน “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” รุ่นที่ 2

เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 2 ตุลาคม 2563  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์  เป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีมอบประกาศนียบัตรแก่ผู้ผ่านการอบรมตามโครงการพระราชทาน “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” รุ่นที่ 2  เรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ จำนวน 192 คน   โดยมีนางละออง อยู่ยั่งยืน ผู้บัญชาการเรือนจังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยส่วนราชการต่างๆเข้าร่วม

ตามที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานให้มีการฝึกโครงการพระราชทาน “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” รุ่นที่ 2 เรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์  ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้ทฤษฎีใหม่แบบชาวบ้าน ปั้นโคก ขุดหนอง ทำนา เพื่อสร้างต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถดำเนินการได้ในทุกเงื่อนไขของพื้นที่ และมุ่งเน้นการปรับเปลี่ยนพื้นฐานความคิดการฝึกวินัย การลงมือปฏิบัติ ตลอดจนการแก้ไขปัญหาในสถานการณ์จริง เพื่อให้ผู้ต้องขังสามารถเพิ่งพาตนเองและช่วยเหลือผู้อื่นที่ได้รับความเดือดร้อนได้ เมื่อพ้นโทษออกไปภายนอก

โดยปัจจุบันการฝึกโครงการพระราชทาน “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” เรือนจำจังหวัดกาฬสินธุ์ครั้งนี้  กรมราชทัณฑ์ มีผู้เข้ารับการฝึกรวมทั้งสิ้น 192 คน อบรมเป็นเวลา 14 วัน แบ่งขั้นตอนการฝึกเป็น 3 ขั้นตอน  ได้แก่ ขั้นที่ 1 การอบรมพึ่งพาเองด้วยทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียง ขั้นที่ 2 การแปลงทฤษฎีเศรษฐกิจพอเพียงสู่การปฏิบัติ  และขั้นที่ 3 การสรุปและประเมินผล

อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการพระราชทาน “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” เป็นความร่วมมือระหว่างกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย และกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อสนองพระราชปณิธาน และน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานโครงการ “โคก หนอง นา แห่งน้ำใจและความหวัง” เปิดโอกาสให้กลุ่มนักโทษเด็ดขาด ที่คาดว่าจะได้รับพระราชทานอภัยทาษ และจะพ้นโทษในปี 2563 ในเรือนจำ มีความรู้ ความเข้าใจ ส่งเสริมทักษะทางการเกษตรทฤษฎีใหม่ในพื้นที่ขนาดเล็ก โดยสามารถบริหารจัดการพื้นที่สำหรับทำการเกษตรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นแนวทางให้ผู้ต้องขังสามารถพึ่งพาตนเองได้ มองเห็นโอกาสในการประกอบสัมมาชีพภายหลังพ้นโทษ ตลอดจนเกิดความภาคภูมิใจในสิ่งที่ตนได้ลงมือทำ เป็นตัวอย่างที่ดีให้แก่ผู้อื่น ไม่หวนกลับไปกระทำความผิดซ้ำอีก สมดั่งพระราชปณิธานคืนคนดีสู่สังคมอย่างยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม