เมื่อเวลา 08.00 น.วันที่ 23 กรกฎาคม 2567 ร.ต.อ.สุขอินทร์ ราจันทร์แก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งเหตุ มีคนเสียชีวิต ที่ศาลาพระพุทธรูป ภายในโรงเรียนมัธยมดังในหมู่บ้านเชียงพิณ (โรงเรียนมัธยมสิริวัณวรี 1) หมู่ 1 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังจากได้รับแจ้งแล้วจึงรีบรุดไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.อ.พัฒนวงศ์ จันทร์พล ผกก.สภ.เมืองอุดรธานี พ.ต.ท.มานิตย์ แก้วเจริญ รอง ผกก.หน.สภ.ห้วยหลวง ตำรวจสืบสวน ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร รพ.ศูนย์อุดรธานี อาสากู้ภัยมูลนิธิสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ





ที่เกิดเหตุพบครูและนักเรียนยืนมุงดูศพนายพีระพงศ์ มณีวงศ์ หรือน้ำพุ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 909 หมู่ 1 ต.เชียงพิณ อ.เมือง จ.อุดรธานี สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงขายาวสีดำ สะพายกระเป๋าหนังสีน้ำตาล ข้างในมีเงินสด 100 บาท โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง บุหรี่ 1 ซอง และมีคัดเตอร์ 1 เล่ม นอนหงายเสียชีวิตอยู่ที่พื้นหน้าพระพุทธรูป จากการชันสูตร ที่ฝ่ามือทั้งสองข้างมีแผลโดนของมีคมบาด ศีรษะมีรอยถลอก เสียชีวิตมาประมาณ 5 ชั่วโมง แพทย์ระบุว่าบาดแผลและร่องรอยถลอกไม่สามารถทำให้เสียชีวิตได้ ต้องนำศพไปนิติเวช เพื่อผ่าชันสูตรหาสาเหตุที่แท้จริง
ต่อมา น.ส.รัตนา มณีวงศ์ อายุ 53 ปี และนายคงฤทธิ์ เทพสาร อายุ 37 ปี พี่สาวและพี่เขย ผู้เสียชีวิตเดินทางมาดูศพน้อง โดยนางรัตนาฯ เปิดเผยว่า ตนมีพี่น้อง 3 คน ตนเป็นคนกลาง ผู้ตายเป็นคนสุดท้อง มีลูกติด 1 คน เป็นผู้ชาย อายุ 13 ปี อาศัยอยู่บ้านเช่ากับตน แม่ และพี่เขย รวม 5 คน ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวานนี้ พวกตนทั้ง 3 คนไปทำงานก่อสร้างด้วยกัน รับจ้างทำประตูเหล็ก เลิกงานนายจ้างได้เลี้ยงเหล้าจนเมา เมื่อกลับไปถึงบ้านเวลาประมาณ 22.30 น.
“เมื่อมาถึงบ้านน้องชายได้ทะเลาะมีปากเสียงกับพี่เขย เขากำลังจะออกจากบ้าน แต่คงจะได้ตนกับแฟนคุยกัน แล้วฟังผิดหู น้องชายจึงชักมีดทำครัวออกมาข่มขู่ 2 เล่ม พี่เขยจึงเข้าต่อสู้และเตะชายโครงน้องชายไป 1 ครั้ง ตนได้เข้าห้ามให้เลิกทะเลาะกัน จากนั้นน้องชายก็เดินออกมาจากบ้าน ซึ่งปกติแล้วน้องชายก็มักจะเดินออกมาเที่ยวเล่นอยู่แล้ว หากมีปัญหาทะเลาะกันก็จะเดินออกมาจากบ้านและกลับมาได้เอง จนเช้าวันนี้มีคนไปบอกว่าน้องนอนเสียชีวิตหน้าโรงเรียน จึงรีบพากันออกมาดู ไม่เชื่อว่าแฟนจะทำน้องจนตาย แต่ก็ไม่รู้ว่าน้องตายได้อย่างไร ที่ผ่านมาก็ไม่รู้ว่าเคยมีศัตรูที่ไหน”
นายคงฤทธิ์ฯ พี่เขย กล่าวว่า น้องเมียกับตนทะเลาะกันเมื่อคืนนี้ประมาณ 4 – 5 ทุ่ม น้องเมียเมาแล้วงอแง ตนก็เตะเข้าชายโครงไป 1 ครั้ง จากนั้นก็แยกย้ายกัน ตนก็เข้าไปนอนในบ้าน น้องเมียก็เดินออกมาจากบ้าน ก็ไม่รู้ว่าเดินเข้าในโรงเรียนทางไหน ที่ผ่านมาก็เคยทะเลาะกันมาแล้ว 1 ครั้ง เรื่องที่น้องเมียมาขอเบิกเงินค่าแรงกับตน ตนก็บอกว่าให้รอก่อน เพราะเงินค่าแรงจากนายจ้างยังไม่ออกแต่เขาก็ไม่ฟัง จนมีเรื่องกัน ก็ไม่รู้ว่าน้องเมียจะออกมาเจอใครอีกหรือไม่ ยืนยันว่าตนไม่ได้ออกมาจากบ้านอีกเลยหลังจากแยกย้ายกัน
ต่อมาตำรวจได้ควบคุมตัวนายคงฤทธิ์ฯ ไปที่บ้านเลขที่ 640/15 หมู่ 1 ต.เชียงพิณ บ้านที่พี่สาวผู้ตายเช่าอยู่ และเป็นจุดที่ทะเลาะกันเมื่อคืนนี้ โดยมีพยานและหลักฐานชัดเจนว่าทั้งคู่ทะเลาะกันมีการลงไม้ลงมือกัน ก่อนที่ผู้ตายจะออกไปจากบ้าน ซึ่งนายคงฤทธิ์ฯ ยังให้การปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำเหตุรุนแรงจนทำให้นายน้ำพุเสียชีวิต จากนั้นได้ทำการตรวจยึดฉมวก เหล็กช็อตปลา และมีดอีโต้ ภายในบ้าน เพื่อนำไปตรวจหาหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนนำตัวนายคงฤทธิ์ฯ ไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย
โดยระหว่างการตรวจสอบภายในบ้านที่เกิดเหตุ นางบัวลัย มณีวงษ์ อายุ 76 ปี แม่ผู้ตาย ได้นั่งดูเจ้าหน้าที่สอบสวนนายคงฤทธิ์ฯ โดยบอกเพียงสั้นๆว่า “ตอนเกิดเหตุตนอยู่ในบ้านเข้านอนแล้ว ช่วงเวลา 3-4 ทุ่ม ได้ยินเสียงเขาทะเลาะกันอยู่ แต่ก็ไม่ได้ออกมาดู เรื่องที่เกิดขึ้นก็ขอให้เป็นไปตามเวรกรรม ขออโหสิกรรมให้คนก่อเหตุ ซึ่งอาจจะเป็นลูกเขยของตนก็ได้”
ส่วนนายนุกูล เสนาเจริญ อายุ 51 ปี ครูฝ่ายปกครอง ของโรงเรียนที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า เมื่อเช้านี้นักการมาบอกว่าพบศพคนนอนตายที่ศาลาพระพุทธรูปหน้าโรงเรียน ตอนแรกนักการนึกว่าเป็นคนเมามาแล้วนอนหลับ จึงเอาไม้มาเขี่ยปลุกให้ตื่น แต่ก็พบว่าตัวแข็งไปแล้ว ที่นี่ไม่ค่อยมีใครเข้ามานอนในศาลา เพิ่งเห็นชายคนนี้ อาจจะเคยมาเรียนอยู่ที่นี่ก็ได้ คิดว่าเขาคงจะหนีตายจากข้างนอกมา เพื่อมาขอพึ่งบุญขององค์พระ เขาคงคิดว่าไม่รอดแน่นอน จึงกระเสือกกระสนมาที่นี่ ต่อไปจะเสนอฝ่ายบริหาร ให้ทำรั้วโรงเรียนให้มิดชิด เพราะที่นี่เป็นรั้วลวดหนาม มีช่องผ่านเข้าออกได้ มีคนมีสัตว์เลี้ยงเข้ามาประจำ และจะเสนอให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดเพิ่มเติมด้วย