
“โรคหลอดเลือดสมอง” ยังคงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตในประเทศไทย โดยมีผู้ป่วยใหม่ที่ได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคหลอดเลือดสมองจำนวนมากขึ้นทุกปี โดยส่วนใหญ่จะเป็นในกลุ่มผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันเริ่มมีการพบโรคหลอดเลือดสมองในกลุ่มวัยกลางคน (อายุ 30-50 ปี) เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง สาเหตุเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยง เช่น การบริโภคอาหารที่มีไขมันสูง การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่
“ศูนย์โรคหลอดเลือดสมองศิริราช คณะแพทย์ศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล” กำหนดจัดกิจกรรมโครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต เฉลิมพระเกียรติฯ เป็นประจำทุกปี เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี รวมทั้งเพื่อให้ประชาชนชาวไทยตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งยังเป็นการรณรงค์เชิญชวนประชาชนทุกเพศ ทุกวัย ได้ออกกำลังกายอย่างง่าย และในปี 2568 นี้ ได้จัดต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 11 โดยใช้ชื่อว่า “โครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติฯ” หัวข้อ “ออกกำลังเป็นนิสัย ห่างไกลสโตรค (No Stop No STROKE)”

นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า ไม่ว่าจะเดิน วิ่ง หรือปั่น สิ่งสำคัญ คือ การที่เราได้ขยับร่างกาย เพื่อสร้างสุขภาพที่ดี มีภูมิคุ้มกันให้ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะ “โรคหลอดเลือดสมอง” เชิญชวนพี่น้องชาวนครพนม มารวมพลังร่วมกิจกรรมอันยิ่งใหญ่ เพื่อเฉลิมพระเกียรติฯ และแสดงออกถึงความรักความสามัคคี ใน “โครงการแสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ” สนามจังหวัดนครพนม ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568
นางสงวน มะเสนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่สุดที่จะฝึกให้เราออกกำลังกายเป็นนิสัย คือ “ต้องมีวินัยและความสม่ำเสมอ” เริ่มต้นเล็กๆ แล้วค่อยๆ เพิ่มขึ้น การมีเป้าหมายจะช่วยให้เรามีแรงจูงใจ เช่น “ฉันจะเดินเร็วให้ได้ 30 นาที สามครั้งต่อสัปดาห์” หรือ “ฉันจะวิ่งให้ได้ 5 กิโลเมตร ภายใน 2 เดือน” ออกกำลังกายช่วยให้รูปร่างดี กล้ามเนื้อแข็งแรง หัวใจแข็งแรง ลดไขมัน และควบคุมน้ำหนักได้ดี ขอเชิญชวนทุกท่าน มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ” ณ สนามจังหวัดนครพนม เพื่อสุขภาพดีของเรา และคนที่เรารัก
นายวรวิทย์ พิมพนิตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า การออกกำลังกายให้เป็นนิสัยนั้นต้องใช้เวลาและความพยายาม แต่ผลลัพธ์ที่ได้นั้นคุ้มค่าอย่างแน่นอน ทั้งการได้สุขภาพกายที่ดี มีอารมณ์ที่แจ่มใส และมีความมั่นใจในตัวเองที่เพิ่มขึ้น เริ่มต้นวันนี้…เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นในวันหน้า สามารถลงทะเบียนสมัครร่วมกิจกรรมได้ทางเว็บไซต์ https://wrb11.thai.run/event/NPM
ว่าที่ร้อยตรี รวยรุ่ง ใครบุตร รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กล่าวว่า “โรคหลอดเลือดสมอง” หรือที่รู้จักกันในชื่อ “อัมพฤกษ์-อัมพาต” เป็นภัยเงียบที่คุกคามสุขภาพและคุณภาพชีวิตของผู้คนทั่วโลก เป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่เกิดจากการที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงอย่างกะทันหัน หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ความพิการถาวรหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้ พร้อมเชิญชวนประชาชนมาร่วมกันสร้างสุขภาพดี ห่างไกลโรคหลอดเลือดสมอง ด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เพราะ “ออกกำลังกายเป็นนิสัย ห่างไกลสโตรค” (No Stop No Stroke)

ด้านนายแพทย์ปรีดา วรหาร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่า มีหลักฐานงานวิจัยทางการแพทย์รองรับว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอในทุกช่วงวัย ทำให้สุขภาพดี ทั้งร่างกายและจิตใจ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ ขอย้ำว่า “โรคหลอดเลือดสมอง” สามารถป้องกันได้ถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ด้วยการออกกำลังกายและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ลดหวาน มัน เค็ม งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงความเครียด และพักผ่อนให้เพียงพอ และนายแพทย์นฤพนธ์ ยุทธเกษมสันต์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม กล่าวย้ำว่า การจดจำสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมองเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง สัญญาณเตือนที่ควรจำ คือ ใบหน้าอ่อนแรง แขนอ่อนแรง พูดลำบาก หากพบสัญญาณใดๆ เหล่านี้แม้เพียงเล็กน้อย ควรรีบโทรแจ้ง 1669 ทันที
มาร่วมกันทำให้การออกกำลังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมอง ในกิจกรรม “แสงนำใจไทยทั้งชาติ เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 11 เฉลิมพระเกียรติ” ในวันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน 2568 พร้อมกันทั่วประเทศ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมได้แล้ววันนี้ ที่ “ดับเบิลยู-อาร์-บี-สิบเอ็ด-ดอทไทย-ดอทรัน-สแลช-อีเว้นท์-สแลช เอ็น พี เอ็ม” ค่าสมัคร 360 บาท สำหรับประชาชนทั่วไป เยาวชน อายุ 7-18 ปี ค่าสมัคร 240 บาท 30 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้จากการจัดกิจกรรม ส่งมอบให้มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เพื่อสนับสนุนโครงการรถรักษาอัมพาตเคลื่อนที่เฉลิมพระเกียรติ พิเศษ ผู้สมัครทุกคนสามารถนำเงินค่าสมัครไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า และได้รับการประกันอุบัติเหตุตามเงื่อนไขที่กำหนด