
เมื่อเวลา 02.00 น. วันที่ 27 มิถุนายน พ.ต.ท.วีระพล มูลบัวภา รอง ผกก.สส.สภ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน สภ.ประจักษ์ศิลปาคม และตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชลประทานอุดรธานี เข้าจับกุมนายรัฐศาสตร์ ห่วงแก้ว หรือแฟรม อายุ 26 ปี นายเกษมชัย ห่วงแก้ว หรือฟูม อายุ 23 ปี และนายเอ (ปฏิภาณ สวัสดี) อายุ 17 ปี ทั้งสามคนเป็นญาติพี่น้องกันเป็นชาวบ้านหนองเม็ก ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี พร้อมของกลางชุดฟิวส์ไฟฟ้าแรงต่ำ 3 ชุด รถจักรยานยนต์ 2 คัน มีด มีดพร้า 1 เล่ม คีมตัดสายไฟ 2 อัน โคมไฟส่องสว่าง 2 อัน กระสอบปุ๋ย 3 ใบ กระเป๋าสะพายหลัง 1 ใบ กระเป๋าสะพายข้าง 1 ใบ ยาบ้า 14 เม็ด และอุปกรณ์การเสพยาบ้า 1 ชุด

ก่อนหน้านี้ จนท.ตำรวจ สภ.ประจักษ์ศิลปาคม กับตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี และเจ้าหน้าที่ชลประทานอุดรธานี ได้วางแผนซุ่มจับแก๊งคนร้ายที่ตระเวนก่อเหตุลักตัดสายไฟฟ้าจากหม้อแปลงไฟ และสายไฟฟ้าในตู้คอนโทรลสถานีสูบน้ำรอบๆทะเลบัวแดง ที่ไว้สูบน้ำจากทะเลบัวแดงให้ชาวเกษตรกร และใช้ทำน้ำประปา ทั้งหมด 5 สถานี จำนวน 9 ครั้ง ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของ สภ.ประจักษ์ศิลปาคม และสภ.กุมภวาปี รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท โดยเจ้าหน้าที่ชลประทานอุดรธานี ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิดบันทึกภาพขณะคนร้ายเข้ามาก่อเหตุที่สถานีสูบน้ำบ้านดอนคง ต.อุ่มจาน ไว้ได้ เมื่อเวลา 03.57 น. วันที่ 24 มิถุนายน 2568 และเมื่อเวลา 01.36 น. วันที่ 27 มิถุนายน 2568 บันทึกไว้เป็นหลักฐาน ทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน โดยคนร้ายแก๊งนี้เริ่มก่อเหตุตั้งแต่เดือนมีนาคม 2568
ขณะเข้าจับกุมตัวคนร้าย นายรัฐศาสตร์ หรือแฟรม มีอาการคุ้มคลั่งหลอนยาบ้า คว้ามีดพร้าไล่ฟันตำรวจ เมื่อตำรวจเห็นจวนตัวและกำลังจะได้รับอันตรายถึงชีวิต จึงใช้อาวุธปืนยิงสวนไป 1 นัด เข้าบริเวณหน้าท้องทะลุหลัง ก่อนนายแฟรมจะวิ่งหลบหนี นั่งลงใช้มีดพร้าจ่อคอตัวเองเพื่อต่อรองกับตำรวจให้ปล่อยตัวนายฟูม และนายเอ ทั้งๆที่นายแฟรมโดนยิงไป 1 นัด แต่ไม่สามารถสยบความคลั่งเอาไว้ได้ แถมขณะเข้าจับกุมตัวนายฟูม และนายแฟรม พยายามแย่งปืนในมือตำรวจ เพื่อต่อสู้ขัดขวางการจับกุม และทำร้ายร่างกายตำรวจบาดเจ็บที่นิ้วมือ ข้อมือ แขน และใบหน้า ส่วนนายเอ อายุ 17 ปี ยอมให้ตำรวจจับกุมตัวแต่โดยดี

จากนั้นจนท.ตำรวจได้เกลี้ยกล่อมนายแฟรมให้ยอมมอบตัว เพื่อจะได้นำส่งโรงพยาบาลใช้เวลาอยู่นานประมาณ 40 นาที นายฟูมและนายเอ ช่วยเจรจาเกลี้ยกล่อมช่วยตำรวจ นายแฟรมจึงยอมมอบตัวและนำตัวส่งรักษาที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี แต่ยังมีสติรู้สึกตัวดี ส่วนนายฟูม ก็ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ 2 แห่ง หมอ รพ.ประจักษ์ศิลปาคมได้เย็บแผลทั้งหมด 4 เข็ม จากการต่อสู้ขัดขวางและพยายามแย่งปืนตำรวจ ขณะเข้าจับกุมตัวกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันกับตำรวจ เพื่อช่วยนายแฟรมพี่ชายต่อสู้กับตำรวจ จนเปื้อนโคลนกันทั้งคนร้ายและตำรวจ ก่อนนำตัวไปยึดของกลางเพิ่มที่บ้านพักจำนวนมาก เป็นวงจร อุปกรณ์ตู้คอนโทรลไฟฟ้าระบบการทำงานเครื่องสูบน้ำ และฉนวนสายไฟฟ้าที่ถูกปลอกเอาทองแดงไปขายที่ร้านรับซื้อของเก่า
จากการสอบสวน นายเกษมชัย หรือฟูม ให้การรับสารภาพว่า ก่อนเข้ามาก่อเหตุตนและพี่ชายคือนายแฟรม ซื้อยาบ้ามา 20 เม็ด เป็นของตน 10 เม็ด ของพี่ชาย 10 เม็ด และเสพกันคนละ 3 เม็ด ส่วนนายเอ ไม่เสพยาบ้า ส่วนการต่อสู้ขัดขวางตำรวจตนและพี่ชายเสพยาบ้าจนเกิดอาการหลอน และอยากเอาตัวรอดจากการถูกจับกุม เมื่อทำงานสำเร็จก็จะปอกเอาทองแดงไปขายแบ่งกัน ไปใช้จ่ายในครอบครัวและไปซื้อยาบ้ามาเสพ หลังตนติดยาประมาณ 1 ปีเศษ ส่วนพี่ชายก็ติดยามาประมาณ 1-2 ปี ที่ทำไปเพราะติดยาและตกงานทั้งตนและพี่ชาย ส่วนนายเอ น้องผมไม่ได้ติดเสพยาบ้า ถ้าจะนำตัวน้องไปตรวจเยี่ยวก็คงไม่เจอส่วนผมและพี่ชายเจอสีม่วงแน่ๆ
“ตนได้ก่อเหตุลักตัดสายไฟที่สถานีสูบน้ำ 2 แห่ง จำนวน 3 ครั้ง อยู่ที่หลังปั๊มน้ำมันบ้านดอนเงิน ต.แชแล อ.กุมภวาปี และที่สถานีสูบน้ำบ้านดอนคง ต.อุ่มจาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม ขายได้เงินครั้งละ 6000-8000 บาท แบ่งคนละ 2-3 พันบาท และกำลังก่อเหตุซ้ำที่สถานีสูบน้ำบ้านดอนคง เนื่องจากเอาสายไฟไปไม่หมด แต่ตำรวจได้มาเห็นเสียก่อน และตนตกใจมาก ส่วนที่พี่ชายเอามีดจี้คอตัวเอง และไปไล่ฟันตำรวจคงคิดว่าต้องการเอาตัวรอดเพราะหลอนยา และก็ไม่รู้ว่าพี่ชายของตนเองโดนยิงจนกระทั่งขึ้นรถตำรวจไปโรงพยาบาลจึงรู้ว่าพี่ชายโดนยิงได้รับบาดเจ็บ
“ตนอยากจะขอโทษสังคม และทุกคนที่ได้รับความเดือดร้อน ในเรื่องน้ำประปาและน้ำทางการเกษตร ฝากขอโทษในสิ่งที่ผมและญาติพี่น้องทำไปด้วยความจำเป็น เพื่อการเอาตัวรอด และนำเงินไปใช้จ่ายในครอบครัว และซื้อยามาเสพ หลังจากพ้นโทษออกมาจากคุกคงกลับตัวกลับใจเป็นคนดี คงไม่มีใครอยากทำถ้าไม่มีความจำเป็น และรู้อยู่ว่าสิ่งที่ตัวเองไปขโมยของหลวงมันผิดกฎหมาย”
จากการสอบขยายผลทั้งหมดต่างก็ให้การซัดทอดถึงหัวหน้าแก๊ง คือนายฉัตรชัย น้อยบุดดี หรือเซียน อายุ 39 ปี ตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี จึงแบ่งกำลังไปจับกุมตัวนายเซียนที่บ้านพัก ม.13 บ้านหนองเม็ก ต.หนองเม็ก อ.หนองหาน จ.อุดรธานี ที่มีศักดิ์เป็นน้าของคนร้ายทั้ง 3 คน ตรวจค้นบ้านพบของกลางฉนวนสายไฟฟ้าที่ถูกปลอกเอาทองแดงไปขายรับรับซื้อของเก่าในพื้นที่ อ.หนองหาน นำมาแบ่งให้หลานๆได้ใช้จ่ายและซื้อยาบ้ามาเสพกัน และยอมรับสารภาพว่าเป็นหัวหน้าในการก่อเหตุ ผลการตรวจปัสสาวะพบเป็นสีม่วง จึงแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดย ใช้ยานพาหนะ เพื่อประโยชน์ในการหลบหนี และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย” ควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.กุมภวาปี ดำเนินคดีตามกฎหมาย





พ.ต.ท.วีระพล มูลบัวภา เปิดเผยว่า คนร้าย 3 คน ที่จับตัวได้ในที่เกิดเหตุ ได้ตระเวนก่อเหตุลักสายไฟและอุปกรณ์ตู้คอนโทรลสถานีสูบน้ำ 5 แห่ง ประกอบด้วย สถานีสูบน้ำบ้านดอนเงิน ต.แชแล อ.กุมภวาปี บ้านดอนคง ต.อุ่มจาน อประจักษ์ศิลปาคม , บ้านอุ่นจาน ต.อุ่มจาน อ.ประจักษ์ศิลปาคม , บ้านเชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี และบ้านดอนแก้ว ต.กุมภวาปี อ.กุมภวาปี ซึ่งเมื่อคืนได้มาก่อเหตุซ้ำที่สถานีสูบน้ำบ้านดอนคง หลังเข้ามาก่อเหตุแล้ว 1 ครั้ง ในคืนวันที่ 24 มิถุนายน 2568 แต่เอาไปไม่หมด เลยเข้ามาก่อเหตุซ้ำ รวมมูลค่าความเสียหายประมาณ 10 ล้านบาท
“ซึ่งพฤติกรรมของคนร้ายจะเข้ามาก่อเหตุก่อน 1 ครั้ง แล้วจะเข้ามาซ้ำอีก แล้วช่วงเช้ามืดวันนี้ก็ได้เข้ามาก่อเหตุซ้ำ ทางตำรวจ 2 แห่ง ได้วางแผนซุ่มจับกุมตัว พร้อมกับติดกล้องวงจรปิดไว้เป็นหลักฐาน หลังก่อเหตุต่อเนื่องมาตั้งแต่เดือนมี.ค.ที่ผ่านมา แต่เดือนมิ.ย.กลุ่มคนร้ายก่อเหตุถี่มาก ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน 2 โรงพัก จึงได้วางแผนร่วมกันกับเจ้าหน้าที่โครงการชลประทานอุดรธานี เพราะถ้าเกิดเหตุการเดินทางจะใช้เวลานาน จึงได้เข้าทำการซุ่ม ส่วนเจ้าหน้าที่โครงการชลประทาน ได้เฝ้าดูโดยการติดกล้องวงจรปิด คอยดูความเคลื่อนไหวของแต่ละสถานี กระทั่งพบคร้ายเข้ามาก่อเหตุ และทำลายกล้องวงจรปิดได้รับความเสียหาย แต่มีสัญญาณเตือนไปที่ทางโทรศัพท์เจ้าหน้าที่ชลประทาน จึงได้แจ้งมาทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่ามีคนร้ายเข้ามาก่อเหตุ”
พ.ต.ท.วีระพล กล่าวต่อไปอีกว่า กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกได้บางส่วน แต่ก็เห็นพฤติกรรมของคนร้ายทั้ง 3 คน เพราะบางส่วนถูกทำลาย พอจับผู้ต้องหาได้แล้ว จึงได้ขยายผลไปหาของกลางที่บ้าน พบสายไฟที่ปลอกเอาทองแดงไปขายแล้ว และอุปกรณ์ตู้คอนโทรลในบริเวณบ้านพัก บางส่วนก็นำไปทิ้งแล้ว เพราะว่าถ้าเก็บไว้แล้ว มันจะเยอะมาก ควบคุมตัวมาทำการสอบสวน ขณะเดียวกันก็ให้ทีมตำรวจชุดสืบสวน สภ.กุมภวาปี ขยายผลไปค้นบ้านพักนายเชียน ได้พร้อมขอกลาง ควบคุมไปสอบสวนที่ สภ.กุมภวาปี และให้การรับสารภาพว่าร่วมกับหลานๆก่อเหตุลักตัดสายไฟและตู้คอนโทรลจริง บางครั้งก็ไปคนเดียว หากลักเอาไม่หมดก็จะให้หลานๆ 3 คน ไปก่อเหตุซ้ำ
“ในการจับกุมคนร้ายครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่หน้าท้องของคนร้าย 1 นัด เนื่องจากในขณะเข้าจับกุม คนร้ายได้ยกมีดพร้า เพื่อจะเข้ามาทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วคนร้ายก็ได้ใช้มีดพร้าจ่อคอตัวเอง เพื่อต่อรองให้ปล่อยน้องๆที่มาด้วยกัน และน้องๆก็ได้เกลี่ยกล่อมจนยอมมอบตัว หลังได้เข้าควบคุมช่วงชุลมุน และเกลี้ยกล่อมใช้เวลาประมาณ 40 นาที ขณะนี้ผู้บาดเจ็บอาการดีขึ้น ถูกส่งรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีแล้ว ฝากถึงร้านรับซื้อของเก่า พวกอุปกรณ์ เศษวัสดุ สายทองแดง ซึ่งอาจจะมีโอกาสเป็นของคนร้าย ก็ให้สังเกตคนที่นำมาขาย แต่ก็จะมีบางคนที่เป็นเจ้าหน้าที่หรือพนักงานหรือผู้รับเหมานำมาขาย ก็ต้องตรวจสอบเอกสารของผู้นำมาขาย ซึ่งถ้าไม่ตรวจสอบให้ดี ก็อาจจะโดนคดีรับซื้อของโจรไปด้วย”
เบื้องต้นตำรวจแจ้งแจ้งข้อหาทั้ง 3 คนว่า “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดย ใช้ยานพาหนะ เพื่อประโยชน์ในการหลบหนี” ส่วนนายแฟรม นายฟูม สองพี่น้อง ได้แจ้งข้อหาเพิ่ม “ เสพและมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) ไว้ในครอบครองโดยผิดก็หมาย , และต่อสู้เจ้าพนักงานทำร้ายเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่” ควบคุมตัวส่ง ร.ต.อ.ศราวุธ สุรเสียง รอง สว.สอบสวน สภ.ประจักษ์ศิลปาคม ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป