
จากรณีผู้ใช้เฟสบุ๊กในชื่อรายหนึ่ง ได้โพสต์ภาพหน้าคนร้าย และคลิปกล้องวงจปิด ขณะเปิดประตูรั้วบ้าน ย่องเข้าไปลักเอากระเป๋าสะพายแบบหนังสีน้ำตาล ที่พ่อคนโพสต์ได้วางไว้บนพื้นบ้านเลขที่ 93 ม.2 บ.เชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเปิดเป็นโรงสีข้าว ข้างในกระเป๋ามีเงินสดประมาณ 9 พันบาท บัตรเทีเอ็ม ใบขับขี่ บัตรประชาชน ยารักษาโรคความดัน กระดูกพรุน และลอตเตอรี่งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 จำนวน 12 ใบ มีเลขชุด 4 ใบ ถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว คือ 26 รวมอยู่ด้วย

โดยกล้องวงจรปิดบันทึกภาพใบหน้าและตำหนิรูปพรรณเอาไว้เป็นหลักฐานอย่างชัดเจน ระบุเวลา 07.37 น. วันที่ 15 ก.ค.พร้อมกับระบุข้อความว่า “ประกาศตามหาคนในภาพ เจ้าตัวยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด และได้ออกหาขโมยของตามบ้านในเขตเทศบาลตำบลเชียงแหว อำเภอกุมภวาปี ตอนนี้หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เข้ามาในเขตเทศบาลตำบลหนองไผ่อำเภอเมืองอุดรธานี หลังเกิดเหตุได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.กุมภวาปี แล้ว
หลังจากโพสต์ลงในสื่อโซเชียลในช่วงเช้าวันที่ 17 ก.ค.ผู้โพสต์ได้รับแจ้งจากชาวโซเชียลว่าพบคนร้ายเดินอยู่แถวตลาดนัดบ้านหนองลุมพุก ต.นาม่วง อ.ประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี หลังรับแจ้งได้ประสานไปยัง พ.ต.ท.สมภูมิ ขันตีกุล สว.สส.สภ.กุมภวาปี นำกำลังตำรวจชุดสืบสวน และ ร.ต.ท.พิเชษฐ์ ศรีพิมสอ หน.ตชต.เชียงแหว พร้อมด้วยผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงาน รุดออกไปตรวจสอบ


เมื่อไปถึงพบนายโด่งเดินถือถุงพลาสติกเดินเก็บขยะอยู่บนถนนหน้าตลาดนัด ถ.บ้านหนองลุมพุก-นาม่วง มีอาการพูดไม่รู้เรื่อง ตำรวจจึงจอดรถและเปิดประตูวิ่งกรูลงไปควบคุมตัว แต่กว่าจะจับตัวไว้ได้ ก็ทำเอาตำรวจเหนื่อยหอบไปตาม ๆ กันพอสมควร ตรวจค้นในตัวพบเงินสดที่ขโมย 3,659 บาท ส่วนกระเป๋าสะพาย และทรัพย์สินอย่างอื่นไม่พบ อ้างว่าจำไม่ได้ว่าเอาไปทิ้งไว้ที่ใด จึงควบคุมตัวมาชี้จุดเกิดเหตุ ซึ่งเป็นยกพื้นสูง ด้านในเปิดเป็นโรงสีข้าว ด้านหลังเลี้ยงไก่และวัว
โดยมี นายนิรันดร์ แก่นเขียว อายุ 66 ปี บ้านเลขที่ 93 ม.2 บ.เชียงแหว ต.เชียงแหว อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ภรรยา และญาติพี่น้อง นำเข้าชี้จุดเกิดเหตุ ก่อนนำตัวไปชี้จุดทิ้งยารักษาโรคผู้เสียหาย ซึ่งคนร้ายนึกว่าเป็นยาบ้า เมื่อพบว่าเป็นยารักษาโรคทั่วไปจึงขว้างทิ้งไว้ข้างทาง ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร ส่วนกระเป๋าสะพายและทรัพย์สินอย่างอื่นจำไม่ได้ว่าทิ้งไว้จุดใด
ตำรวจจึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก ตรวจปัสสาวะพบมีผลเป็นบวก และมอบเงินของกลางที่เหลือจากการขโมยเอามาคืนให้กับนายนิรันดร์ฯ ส่วนทรัพย์สินที่เหลือจะได้สอบสวนนายโด่งอีกครั้ง เนื่องจากยังมีอาการดีดและหลอนยาอย่างเห็นได้ชัด และตอบคำถามได้บ้างไม่ได้บ้าง ผู้เสียหายพยายามสอบถามคนร้ายถึงสถานที่ทิ้งกระเป๋า แต่นายโด่งก็ตอบตามเดิมว่าจำไม่ได้จริงๆ จนท.ตำรวจจึงแจ้งข้อกล่าวหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถาน เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และภัยสังคม”
นายนิรันดร์ฯ เปิดเผยว่าหลังเกิดเหตุที่กระเป๋าหายไปได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่าขณะคนร้ายเข้ามาก่อเหตุตนกำลังให้อาหารไก่ และวัว อยู่ด้านหลังโรงสี คนร้ายไม่สวมเสื้อ รองเท้าไม่ใส่ เปิดประตูรั้วหน้าบ้านเข้ามา แล้วเดินขึ้นไปบนบ้าน ไปหยิบเอากระเป๋าสะพายสีหนังน้ำตาลไป ภายในกระเป๋าเงิน บุหรี่ 1 ซอง เงินสดประมาณ 9,000บาท โดยแบ่งใส่กระเป๋าเงิน 4 พันบาท แบ่งเก็บไว้ในช่องกระเป๋าสะพาย จำนวน 5 พันบาท พร้อมกับลอตเตอรี่ 12 ใบ ในนั้นมีถูกรางวัลเลขท้าย 2 ตัว คือ 26 เลขชุด 4 ใบ เป็นเงิน 8,000บาท ส่วนเงินสด 9 พันนั้น ลูกสาวส่งมาให้ตนไปหาหมอ แล้วส่วนนึงก็เอาไว้จ้างคนดำนา 15 ไร่ เพราะไม่อยากให้ตนทำเอง ตนเบิกเงินมาว่าจะไปหาหมอ แล้วถึงจะไปคุยกับคนที่จะจ้างไปดำนาให้ แต่ยังไม่ทันได้ทำอะไรก็มาถูกนายโด่งขโมยไปก่อน


ก่อนหน้านี้นายโด่งก็เข้ามาขโมยของบ่อยที่บ้านตนและบ้านลูกสะใภ้ และบ้านของคนในหมู่บ้านนับครั้งไม่ถ้วน แต่เป็นของกินและของเล็กๆน้อยๆ จึงไม่ได้แจ้งความ แต่มาครั้งนี้มาขโมยกระเป๋าเงิน จึงได้แจ้งตำรวจ ตนดีใจที่ตำรวจจับตัวได้ ส่วนกระเป๋าสะพายของตน ที่คนร้ายเอาไปทิ้ง ถ้าใครเก็บได้ก็ให้นำมาส่งคืนตนที่บ้านเชียงแหว จะมีรางวัลน้ำใจให้ โดยการแบ่งเงินรางวัลที่ถูกเลขท้าย 2 ตัวให้คนละครึ่ง หรือ 4 พันบาท”
นายนวพล หรือโด่ง กล่าวว่าตนไม่มีครอบครัวญาติพี่น้อง พ่อแม่ก็ไม่มี ที่ทำไปเพราะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ซื้อบุหรี่ และยาบ้าสูบ รู้ว่าทำผิดแต่ไม่มีทางออก เพราะติดเสพยาบ้ามานานหลายปีแล้ว ไม่เคยไปบำบัดรักษา ตนก่อเหตุลักกระเป๋าครั้งนี้ได้เงินไป 4,225 บาท แล้วก็ทิ้งกระเป๋า แต่จำไม่ได้ว่านำไปทิ้งไว้บริเวณไหน หลังจากได้เงินก็นำไปซื้อบุหรี่ และยาบ้าเสพ 4 เม็ด ราคาเม็ดละ 50 บาท โดยเสพครั้งเดียว 4 เม็ดเลย หลังจากนี้ถ้าพ้นโทษออกมาตนจะไม่หาขโมยของคนอื่นอีก ตนยืนยันว่าได้เงินไปแค่4,225บาท ถ้าตนรู้ว่ามีเงินซ่อนในกระเป๋าอีก 5 พัน และลอตเตอรี่ ก็คงจะไม่ทิ้งกระเป๋าไปอย่างแน่นอน แต่ตนจำไม่ได้จริงๆว่านำไปทิ้งไว้ไหน เพราะตนเดินเร่ร่อนไปทั่ว ค่ำไหนนอนนั่น