
ครอบครัวทหารพรานชาวจ.บุรีรัมย์ ที่เหยียบกับระเบิดขณะลาดตระเวนที่ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ จนขาซ้ายขาด ได้ออกมาประณามผู้นำและทหารกัมพูชา ที่ลอบวางทุ่นระเบิดในดินแดนไทย จนทำให้ทหารไทยต้องบาดเจ็บและสูญเสียอวัยวะหลายนาย ซึ่งเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา และอยากให้ทางการไทยได้มีมาตรการป้องกันไม่ให้ทหารไทยต้องสูญเสียบาดเจ็บและล้มตายอีก


(15 ส.ค.68) บรรยากาศที่บ้านเลขที่ 489 หมู่ 1 บ้านโคกไม้แดง ต.สำโรงใหม่ อ.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ สิบเอกธีรพล เพียขันที อายุ 47 ปี สังกัดทหารพรานจู่โจมที่ 2610 ที่เหยียบกับระเบิดขณะออกลาดตระเวนที่ปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จนทำให้ขาข้างซ้ายขาด และยังรักษาตัวที่โรงพยาบาลจ.สุรินทร์ ยังคงมีชาวบ้านเดินทางไปให้กำลังใจครอบครัวของสิบเอกธีรพล อย่างต่อเนื่อง
โดย เฉพาะนางสาคร เพียขันที อายุ 78 ปี แม่ของสิบเอกธีรพล ที่เป็นห่วงสภาพจิตใจของลูกชายเพราะต้องสูญเสียอวัยวะ แต่ด้วยสังขารที่ไม่อำนวยจึงไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมลูกชายด้วยตัวเองได้ เพียงสอบถามอาการจากลูกสาวและลูกสะใภ้ที่เดินทางไปเยี่ยมเท่านั้น ซึ่งคนเป็นแม่ก็ได้แต่ภาวนาขอให้ลูกปลอดภัย ตอนนี้อยากเห็นหน้าลูกชายมาก
แม้ครอบครัวจะภูมิใจที่สิบเอกธีรพล จะทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอย่างชายชาติทหาร แต่ก็เสียใจที่ต้องมาสูญเสียอวัยวะ เพราะการไม่รักษาสัจจะของกัมพูชา จึงอยากให้ทางการไทยมีมาตรการป้องกันไม่ให้ทหารไทยต้องบาดเจ็บและล้มตายอีก ทั้งนี้ยังได้ประณามผู้นำและทหารกัมพูชาที่แอบเข้ามาวางทุ่นระเบิดในดินแดนของไทย จนทำให้ทหารไทยที่ออกลาดตระเวนต้องบาดเจ็บหลายครั้ง ถือเป็นการละเมิดสัญญาออตตาวา


นางสาวมัลลิกา ทุมจันทร์ อายุ 52 ปี พี่สาวสิบเอกธีรพล บอกว่า คนในครอบครัวภูมิใจที่น้องชายได้ทำหน้าที่ปกป้องแผ่นดินอย่างชายชาติทหาร แต่ก็เสียใจและเป็นห่วงน้องที่ต้องสูญเสียอวัยวะ เพราะที่ผ่านมาน้องชายจะเป็นเสาหลักของครอบครัว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็อยากให้น้องเป็นรายสุดท้ายที่ต้องมาโดนระเบิดที่ทางเขมรเข้ามาลอบวางในดินแดนของไทย ก็อยากจะประณามฝั่งกัมพูชาที่ลอบวางทุ่นระเบิดในเขตไทย จนทำให้ทหารไทยบาดเจ็บหลายนาย อยากให้หยุดการกระทำที่ผิดอนุสัญญาและข้อตกลง