วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ที่ห้องประชุมพระธาตุพนม ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภาในฐานะประธานมูลนิธิเพื่อสังคมและการศึกษา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ร่วมกันมอบหน้ากากอนามัยให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางและนมผงสำหรับเด็ก โดยมี นายชวนินทร์ วงศ์สถิตจิรกาล รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นางสุทธิกานต์ วงศ์สถิตจิรกาล รองนายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม คณะหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ เจ้าหน้าที่ และอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม ร่วมให้การต้อนรับและรับมอบหน้ากากจำนวน 10,000 ชิ้น หน้ากากอนามัยเด็ก 2,000 ชิ้น และมอบนมผงสำหรับเด็กเพื่อกระจายต่อยังกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มคนเปราะบางที่มีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อโควิด ซึ่งการสวมหน้ากากอนามัยจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดและลดการแพร่กระจายของเชื้อได้เป็นอย่างดี

นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา กล่าวว่า รัฐสภามีการติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิดมาอย่างต่อเนื่อง และทราบว่าพี่น้องประชาชนได้รับผลกระทบในด้านต่างๆ ดังนั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จึงได้มีการให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชนด้วยการมอบหน้ากากอนามัยและนมผงสำหรับเด็ก โดยครั้งแรกตั้งใจที่จะมอบให้กับจังหวัดที่มีความรุนแรงเท่านั้น แต่เนื่องจากมีผู้บริจาคผ่านมูลนิธิเพื่อสังคมและการศึกษาเป็นจำนวนมาก จึงได้มีการลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนทั่วประเทศ โดยจังหวัดนครพนมเป็นจังหวัดที่74 แล้วที่ดำเนินการ และขอเรียนว่าตัวเลขผู้ป่วยของจังหวัดนครพนมอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่รุนแรงมากนักเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ ซึ่งจากข้อมูลพบว่าช่วงหลังไปหนักอยู่ในจังหวัดที่ผู้สูงอายุไม่ได้ฉีดวัคซีน โดยเฉพาะ 3 จังหวัดทางชายแดนภาคใต้ ทำให้มีความเสี่ยง เมื่อประมาณสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับคณะบดีที่ศิริราช คุณหมอได้เล่าให้ฟังว่า การติดเชื้อจริง ๆ แล้วแม้จะรักษาหายแต่ก็มีผลข้างเคียงต่อสุขภาพในระดับหนึ่ง รวมทั้งได้ยืนยันและแนะนำเกี่ยวกับผู้สูงอายุว่าควรจะมีการฉีดวัคซีนเพราะสามารถป้องกันการเสียชีวิตได้เกือบ 100 % แม้จะป้องกันการติดเชื้อไม่ได้ 100 %ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนได้เข้ารับวัคซีน



โดยในส่วนของรัฐสภาก็ได้มีการนำหลักการและแนวทางป้องกันมาใช้ที่สภาเช่นกัน ตอนที่เปิดสภาครั้งแรกก็ได้ขอคำแนะนำเรื่องการถอดหน้ากากอนามัยกับอธิบดีกรมควบคุมโรค ซึ่งยังไม่อนุญาตให้ถอดเด็ดขาดเพียงอนุโลมให้คนที่จะอภิปรายแบบไม่สวมหน้ากากสามารถทำได้เหมือนที่ผ่านมา คือจะมีตู้พิเศษที่มีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อให้เข้าไปพูดได้ เมื่อพูดเสร็จก็จะมีการถอดปลอกที่สวมไมค์ออกและฆ่าเชื้อก่อนที่คนใหม่จะเข้าไป ซึ่งวิธีนี้ใช้ได้ผลเป็นอย่างดีเพราะไม่พบผู้ติดเชื้อจากในรัฐสภาแม้แต่คนเดียว นั่นแสดงว่าถ้าเราทุกคนร่วมกันปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัดก็สามารถป้องกันโรคได้