ความคืบหน้ากรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รวบตัว 2 นักเรียนหญิงชั้น ม.1 โรงเรียนแห่งหนึ่งในอำเภอเมืองบุรีรัมย์ หลังเจ้าของร้านโทรศัพท์มือถือในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ได้โพสต์เฟสบุ๊กให้ชาวโซเชียลช่วยแจ้งเบาะแส กรณีมีคนร้าย 2 คนเป็นผู้หญิง คาดว่าน่าจะยังเป็นเด็กนักเรียนก่อเหตุงัดตู้กระจกขโมยมือถือที่เก็บไว้ขาย 2 เครื่อง คือ ไอโฟน 11 สีแดง ราคา 11,900 บาท และ ไอโฟน 7 มือสองสีดำมูลค่า 5,900 บาท เหตุเกิดช่วงเวลาประมาณ 21:20 น. คืนวันที่ 20 มิ.ย.66 ที่ผ่านมา คาดว่าน่าจะซ่อนตัวรอจนห้างปิดแล้วก่อเหตุ


ล่าสุดเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 2566 ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม นายนาย อายุ 27 ปี เจ้าของร้านมือถือผู้เสียหาย เล่าว่า คืนเกิดเหตุวันที่ 20 มิ.ย.ตนก็ปิดร้านกลับบ้านประมาณ 3 ทุ่มกว่า พอเช้าวันที่ 21 มิ.ย. มาเปิดร้านตามปกติพบว่ามือถือยี่ห้อไอโฟนมือสองจำนวน 2 เครื่องที่เก็บไว้ในตู้หายไป จึงไปขอดูกล้องวงจรปิดร้านใกล้เคียงก็เห็นเด็กผู้หญิง2 คนเดินเข้าออกร้านขายมือถือหลายร้านพยายามขโมยมือถือแต่คงงัดไม่ได้ จึงมาขโมยที่ร้านของตนเองได้มือถือไป 2 เครื่อง ซึ่งนอกจากมือถือที่ร้านของตนเองแล้ว ยังไปขโมยเสื้อผ้าแบรนด์เนมอีก 2 ตัวและรองเท้ายี่ห้อดังอีก 2 คู่ จากนั้นตนจึงได้โพสต์เฟสบุ๊กเพื่อให้ชาวโซเชียลช่วยแจ้งเบาะแส กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร และทางผู้ปกครองก็พาน้องมาแสดงตัวพร้อมมือถือที่ขโมยไป ก่อนที่ ตร.จะพาตัวไปโรงพัก ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้อยากเอาผิดอะไรหากได้ของคืนในสภาพเดิม เพราะตอนนี้มือถือยังอยู่กับ ตร. ก็เห็นใจผู้ปกครองเพราะน้องยังเป็นเยาวชน ซึ่งเรื่องคดีก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการไปตามกระบวนการกฎหมาย แต่ถ้าหากไม่ดำเนินการอะไรกับน้องเลยก็อาจจะไม่เข็ดหลาบอนาคตน้องอาจจะไปก่อเหตุแบบนี้อีก
ล่าสุดวันที่ 22 มิ.ย.66 ผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถามนายนาย อายุ 27 ปี เจ้าของร้านมือถือผู้เสียหาย เล่าว่า คืนเกิดเหตุวันที่ 20 มิ.ย.ตนก็ปิดร้านกลับบ้านประมาณ 3 ทุ่มกว่า พอเช้าวันที่ 21 มิ.ย. มาเปิดร้านตามปกติพบว่ามือถือยี่ห้อไอโฟนมือสองจำนวน 2 เครื่องที่เก็บไว้ในตู้หายไป จึงไปขอดูกล้องวงจรปิดร้านใกล้เคียงก็เห็นเด็กผู้หญิง 2 คนเดินเข้าออกร้านขายมือถือหลายร้านพยายามขโมยมือถือแต่คงงัดไม่ได้ จึงมาขโมยที่ร้านของตนเองได้มือถือไป 2 เครื่อง ซึ่งนอกจากมือถือที่ร้านของตนเองแล้ว ยังไปขโมยเสื้อแบรนด์เนมอีก 2 ตัว และรองเท้ายี่ห้อดังอีก 2 คู่ จากนั้นตนจึงได้โพสต์เฟสบุ๊กเพื่อให้ชาวโซเชียลช่วยแจ้งเบาะแส กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร และทางผู้ปกครองก็พาน้องมาแสดงตัวพร้อมมือถือที่ขโมยไป ก่อนที่ ตร.จะพาตัวไปโรงพัก ซึ่งส่วนตัวก็ไม่ได้อยากเอาผิดอะไรหากได้ของคืนในสภาพเดิม เพราะตอนนี้มือถือยังอยู่กับ ตร. ก็เห็นใจผู้ปกครองเพราะน้องยังเป็นเยาวชน แต่หากไม่ดำเนินการอะไรกับน้องที่กระทำผิดเลย ก็อาจจะไม่เข็ดหลาบอนาคตน้องอาจจะไปก่อเหตุแบบนี้อีก ซึ่งเรื่องคดีก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะดำเนินการไปตามกระบวนการกฎหมาย
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้ไปสอบถาม นายประกอบ อายุ 72 ปีและนางแต๋ว อายุ 67 ปี ตาและยายของ ด.ญ.เอ (นามสมมติ) หนึ่งในผู้ก่อเหตุขโมยของในห้าง เล่าว่า ได้เลี้ยง ด.ญ.เอ มาตั้งแต่เด็กหลังจากพ่อแม่หลานแยกทางกัน เมื่อก่อนตายายก็ยังพอทำงานรับจ้างได้ แต่พออายุมากขึ้นก็ไม่มีเรี่ยวแรงที่จะไปรับจ้างเหมือนเมื่อก่อน ทุกวันนี้อาศัยเบี้ยผู้สูงอายุประทังชีวิตทั้งตายาย และหลานอีก 2 คน เมื่อก่อนแม่ของ ด.ญ.เอ ก็ซื้อมือถือให้แต่ปีที่แล้วหลานทำหายก็ไม่มีมือถือใช้ แต่หลานก็ไม่เคยเอ่ยปากขอเพราะหลานก็รู้ว่าตายายไม่มีเงินซื้อให้เพราะไม่มีรายได้อะไร ที่ผ่านมาหลานก็ไม่เคยมีพฤติกรรมลักขโมยเลย ตอนรู้ข่าวก็ยังตกใจไม่คิดว่าหลานจะทำแบบนั้น แต่ก็คิดว่าหลานคงทำไปเพราะอยากจะมีมือถือเหมือนคนอื่น ตายายก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น และตอนนี้ก็เครียดมากเพราะไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปจ่ายค่าเสื้อและรองเท้าที่หลานขโมยมา ซึ่งเขาเรียกค่าเสียหายกว่า 2 พันบาท ส่วนมือถือยังไม่ได้คุยกับเจ้าของร้านเลย แต่หากไม่มีเงินจ่ายก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งหลานอาจจะต้องไปอยู่สถานพินิจ ก็สงสารแต่ไม่รู้จะทำยังไง