เมื่อเวลา 11.32 น.วันที่ 7 สิงหาคม 2566 ศูนย์วิทยุกู้ภัยสุรินทร์ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบศพผู้เสียชีวิตไม่ทราบสาเหตุ ภายในบ้านเลขที่ 32 / 1 ม. 11 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ จึงประสานไปยัง ร.ต.ท.สรกฤษฎิ ทารักษ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมือง จ.สุรินทร์ พร้อมกับ นพ.อธิคม ใจกล้า นิติเวช รพ.สุรินทร์ รีบรุดเข้าตรวจสอบและชันสูจน์พลิกศพที่เกิดเหตุ






ที่เกิดเหตุเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มีเสียงสุนัขเห่าและขู่ไล่เจ้าหน้าที่กู้ภัยสุรินทร์อยู่หน้าบ้านใกล้กันใต้ต้นมะม่วงพบศพ นายไกยสิทธิ์ ผสมสี อายุ 57 ปี บ้านพักเลขที่ 32 / 1 ม.11 ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์นอนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้านใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่สภาพนอนหงายสวมเสื้อเซิ้ตแขนยาวลายดำขาว กางเกงยีนต์ขายาวสียีนต์อยู่ในสภาพมือเท้าเกร็ง มีเลือดไหลออกมาทางปากไม่พบร่องรอยการต่อสู้ หรือการฆาตกรรมแต่อย่างใด เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2 วัน ใกล้กันพบสุนัขพันธุ์ไทย เพศผู้ สีน้ำตาลอายุ 3 ปี เฝ้าศพเจ้าของอยู่ไม่ห่าง และส่งเสียงขู่และเห่าผู้คนและเจ้าหน้าที่กู้ภัยสุรินทร์ แพทย์และเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ให้เข้าใกล้ศพ เจ้าหน้าที่ต่างเข้าไม่ได้ต้องให้น้องสาวผู้ตายมาไล่และคุมตัวสุนัขไว้ไม่ให้สุนัขกัด

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามน้องสาวผู้ตายทราบว่า นายไกยสิทธิ์ ผสมสี(ผู้เสียชีวิต)นั้นอยู่บ้านนี้เพียงคนเดียวกับสุนัขคู่ใจตนก็ไปๆมาๆบ้านพี่ชายและพี่ชายตนนั้นป่วยหลายโรคเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น และก่อนเกิดเหตุนั้น ตนไม่ได้อยู่บ้านพึ่งกลับมาช่วงสาย พอมาถึงเห็นบ้านเงียบและไม่เห็นพี่ชายเลยเดินตามหา สังเกตเห็นเจ้าน้ำตาลสุนัขของผู้ตายเดินวนเวียนแถวต้นมะม่วงหน้าบ้านและเห่า ตนจึงได้เดินเข้าไปดูจึงได้มาพบว่าพี่ชายตนได้เสียชีวิตที่ใต้ต้นไม้ดังกล่าว
น้องสาวผู้เสียชีวิตเล่าว่า ตนนั้นพึ่งกลับมาจากทำธุระตั้งแต่เมื่อวานก่อนและพึ่งจะกลับมาที่บ้าน มาถึงก็ไม่เห็นพี่ชาย จึงได้เดินตามหา พร้อมกับสุนัขที่ตนและพี่ชายเลี้ยงไว้ได้เห่าเรียกตนและยืนอยู่ใต้ต้นไม้ที่พี่ชายตนนอนเสียชีวิตอยู่ ตนเห็นจึงรีบแจ้งผู้ใหญ้บ้านพร้อมกับแจ้งกู้ภัยสุรินทร์ให้มาช่วยเหลือ
ทางด้าน ร.ต.ท.สรกฤษฎิ ทารักษ์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมือง จ.สุรินทร์ และนพ.อธิคม ใจกล้า นิติเวช รพ.สุรินทร์ ได้ร่วมกันชันสูจน์พลิกศพคาดว่าน่าจะมีอาการป่วยและไอออกมาเป็นเลือดและวูบช็อกล้มลงเสียชีวิตได้กว่า2วันแล้ว จึงได้ทำการบันทึกภาพไว้เป็นหลักฐาน พร้อมกับทางญาติไม่ติดใจในการตายจึงมอบให้ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลทางศาสนาต่อไป