ข่าวอัพเดทรายวัน

บุรีรัมย์ ทีมสหวิชาชีพร่วมสอบหนูน้อย 3 ขวบถูก หน.ศูนย์เด็กอนาจารแม่ชี้ควรให้ออกหวั่นก่อเหตุซ้ำอีก

คืบหน้าทีมสหวิชาชีพร่วมสอบหนูน้อย 3 ขวบ หลังแม่โร่แจ้งความ และร้องปวีณา ช่วย ถูก หน.ศูนย์เด็กกระทำอนาจารใช้นิ้วแหย่อวัยวะเพศ แต่ผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธ ขณะผลตรวจเบื้องต้นพบมีรอยบวมแดงที่อวัยวะเพศแต่ไม่พบคราบสารคัดหลั่ง ขณะแม่ยังกังวลไม่ได้รับความเป็นธรรม หากเป็นไปได้อยากให้ออกจากราชการไม่ควรเป็นครูอีก เพราะถือเป็นบุคคลอันตรายหวั่นก่อเหตุกับเด็กคนอื่นอีก

ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ปกครองร้องขอความช่วยเหลือกับมูลนิธิปวีณา ว่า ลูกสาววัย 3 ขวบ ที่ฝากเลี้ยงที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแห่งหนึ่ง ในตำบลหนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ ถูก หน.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กฯ อายุ 59 ปี ล่วงละเมิดทางเพศโดยการใช้นิ้วแหย่ที่อวัยวะเพศ ลูกสาวจนบาดเจ็บต้องนอน รพ. 2 วัน เพราะปัสสาวะไม่ออก มีอาการบวมแดงที่อวัยวะเพศ แม่พาลูกสาวไปแจ้งความ แต่กลัวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงไปร้องให้มูลนิธิปวีณาฯ ช่วยเหลือ เบื้องต้นทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหา หน.ศูนย์เด็กฯ “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี” แต่ หน.ศูนย์เด็กฯ ยังให้การปฏิเสธ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง

ล่าสุดวันนี้ (20 ก.ย.66) พนักงานสอบสวน สภ.ชุมแสง ได้พาผู้ปกครองและน้องอายุ 3 ขวบ ไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อให้ทีมสหวิชาชีพร่วมสอบปากคำในฐานะผู้เสียหาย แต่เนื่องจากน้องยังเด็กอาจต้องใช้เวลาในการสอบพอสมควร เพราะนอกจากน้อง จะยังเด็กมากแล้วยังต้องคำนึงถึงสภาพจิตใจของน้องด้วย

ขณะที่ น.ส.บี (นามสมมติ) อายุ 32 ปี แม่ของน้องวัย 3 ขวบ บอกว่า หลังจากวันเกิดเหตุน้องก็มีอาการหวาดผวาไม่อยากไปเรียนอีก และพูดตลอดว่าเจ็บที่อวัยวะเพศ ทางครอบครัวก็คงไม่ให้น้อยกลับไปเรียนที่เดิมอีกเพราะเกรงจะกระทบต่อสภาพจิตใจ และสิ่งที่ยังกังวลคือเรื่องคดีเพราะ หน.ศูนย์เด็กฯ ยังปฏิเสธ แต่ตนก็เชื่อว่าลูกสาวไม่โกหกแน่นอน เพราะที่ผ่านมาก่อนไปเรียนหรือหลังเลิกเรียนจะถามลูกทุกครั้ง ลูกก็จะบอกตลอดว่าที่โรงเรียนได้กินอะไรและทำอะไรบ้าง หลังจากไปร้องขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณา ก็หวังว่าผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจะให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว ก็อยากให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจนถึงที่สุด และหากเป็นไปได้อยากให้ออกจากราชการไม่ควรจะเป็นครูอีก เพราะสำหรับแม่เขาคือบุคคลอันตราย ถ้าแค่ย้ายไปที่อื่นก็อาจจะไปทำแบบนี้กับลูกหลานคนอื่นอีก

ขณะที่ทาง อบต. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้เดินทางไปเยี่ยมให้กำลังใจกับทางครอบครัว หรือให้ความมั่นใจว่าทางหน่วยงานภาครัฐ จะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมาทั้งเรื่องคดี และระเบียบวินัย หากมีหลักฐานพิสูจน์ว่ากระทำจริง ก็ดำเนินการตามกระบวนการ ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย