ลูกสาวยายวัย 70 ชาว อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ สุดทนหลังหลานชายข้างบ้านชอบตั้งวงมั่วสุมซดเหล้าดูดกัญชากับเพื่อนเสียงดังรบกวนประจำแต่ไม่เคยยุ่ง ล่าสุดรับไม่ได้เมาถีบแม่ล้มหัวฟาดปูนเลือดอาบเย็บ 5 เข็ม พาแม่โร่แจ้งตำรวจ เจ้าตัวอ้างเมาปัดไม่ได้ถีบแค่ผลักพร้อมกราบขอขมา





วันที่ 26 ก.ย. 2566 นางสาวอโนทัย จัตุกูล อายุ 48 ปี ชาวบ้านบ้านตะโกสิงห์ ต.อีสานเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ ได้ออกมาร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากนายป๋อม อายุ 40 ปี หลานชายของป้าซึ่งอยู่บ้านใกล้กันชอบตั้งวงดื่มเหล้าและมั่วสุมเสพกัญชากับเพื่อนวัยรุ่นส่งเสียงดังรบกวนเป็นประจำ และล่าสุดเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 23 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ก่อเหตุใช้เท้าถีบนางแท้ จัตุกูล อายุ 70 ปี แม่ของตัวเองจนล้มศรีษะฟาดปูนแตกเลือดอาบต้องเย็บถึง 5 เข็ม และมีอาการเจ็บที่หน้าอกด้วย
น.ส.อโนทัย เล่าว่า วันที่เกิดเหตุ ตนทำงานอยู่ข้างนอก แม่โทรมาบอกว่าหลานชายของป้าข้างบ้านถีบล้มฟาดพื้นจนหัวแตก ตนก็ตกใจแต่ยังทำงานอยู่จึงวานให้ญาติพาแม่ไปหาหมอก่อน หลังจากเสร็จงานก็รีบไปดูแม่ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนในฐานะลูกสาวก็รับไม่ได้ เพราะถึงแม้นายป๋อม จะเพิ่งก่อเหตุทำร้ายแม่เป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้นายป๋อม ก็จะชอบตั้งวงดื่มเหล้าดูดกัญชาเสียงดังรบกวนเป็นประจำ แต่ตนไม่เคยไปยุ่งหรือว่าอะไร แต่พอมาทำแบบนี้ก็รับไม่ได้ ส่วนตัวอยากจะเอาผิดให้เข็ดหลาบจะได้ไม่ต้องก่อเหตุแบบนี้อีก แต่ผู้เป็นแม่เห็นว่าเป็นหลานป้าข้างบ้านยังไม่อยากเอาผิด จึงได้พาแม่ไปลงบันทึกประจำไว้ที่ สภ.เฉลิมพระเกียรติ แต่หากครั้งหน้ามีพฤติกรรมแบบนี้อีกก็จะดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่ตนนี้ยอมรับว่ากลัวจะไม่ปลอดภัย เพราะไม่รู้ว่าหลานและเพื่อนที่มานั่งดื่มเหล้าจะไม่พอใจหรือไม่
ด้านนางแท้ จัตุกูล อายุ 70 ปี ผู้บาดเจ็บ เล่าว่า วันเกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณ 1 ทุ่ม ตนกำลังจะเดินไปบ้านลูกสาว จู่ๆ นายแป๋ม มาถามหาไฟฉายกับตน ตนก็บอกว่าไม่ให้เพราะเอาไว้ใช้ส่อง จากนั้นนายแป๋ม ก็ใช้เท้าถีบจนล้มหัวฟาดพื้นปูนจนแตก และเจ็บที่หน้าอก คนข้างบ้านเห็นก็โทรบอกลูกสาวและช่วยพาส่ง รพ. ส่วนตัวไม่ได้อยากเอาผิดกับนายแป๋ม เพราะก็เหมือนลูกหลาน จึงแค่ไปลงบันทึกประจำวันไว้ แต่หากครั้งหน้าก่อเหตุแบบนี้อีกก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย
ขณะที่นายป๋อม ก็ได้นำดอกไม้เข้ามากราบขอขมาคุณยายแท้ ที่บ้าน พร้อมกล่าวขอโทษ อ้างว่าวันนั้นเมา จังหวะที่เดินไปมันมืด ไม่รู้ว่ายายแท้เดินสวนมา จึงใช้มือผลัก ไม่ได้ใช้เท้าถีบและไม่มีเจตนาจะทำร้ายยาย แต่พอรู้ว่ายายบาดเจ็บศรีษะแตกก็สำนักผิดมากราบขอขมายาย และรับปากจะไม่มีพฤติกรรมแบบนี้อีก
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ข้อมูลว่า กรณีดังกล่าวยายที่ได้รับบาดเจ็บได้มาลงบันทึกประจำวันเอาไว้ ไม่ประสงค์ที่จะแจ้งความร้องทุกข์ ทางตำรวจจึงได้แค่ไปว่ากล่าวตักเตือนไม่สามารถดำเนินคดีได้ แต่ส่วนที่ลูกสาวผู้บาดเจ็บห่วงเรื่องความปลอดภัย ทาง ตร.ก็จะหมุนเวียนไปตรวจตราเรื่อยๆ