จากกรณีที่มีแรงงานไทยไปทำงานที่ประเทศอิสราเอล ถูกกลุ่มฮามาส บุกโจมตี ทางรัฐบาลอิสราเอลได้ตอบโต้ จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก มีแรงงานไทยหลายคนถูกจับเป็นตัวประกันและได้รับบาดเจ็บ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา





เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 8 ตุลาคม 2566 ว่าที่ร้อยโท อนุเทพ ศรีดาวเรือง จัดหางานจังหวัดอุดรธานี เดินทางไป เยี่ยมและให้กำลังใจครอบครัวนายมาโนช สีทอง อายุ 31 ปี หนุ่มแรงงานไทย คนที่ได้รับบาดเจ็บถูกยิงที่แก้ม ที่ประเทศอิสราเอล ที่บ้านเลขที่ 219/1 บ้านสุขสำราญ หมู่ 21 ต.เชียงยืน อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อสอบถามข้อมูลพร้อมแจ้งข่าวสารเหตุการณ์ และชี้แจงการให้ความช่วยเหลือเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับตามกฎหมายให้แก่ญาติทราบ โดยแรงงานไทยคนนี้เดินทางไปทำงานถูกต้องตามระเบียบจัดหางาน พบนางมนเทียร สีทอง อายุ 49 ปี แม่ของนายมาโนช หลังทราบเรื่องร่ำไห้ และจุดธูปบอกกล่าวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้คุ้มครองลูกชายและคนงานในอิสราเอล พร้อมกับกล่าวว่า ตนมีลูก 2 คน นายมาโนชไปทำงานประเทศอิสราเอลได้ 5 ปีกว่าแล้ว ส่งเงินมาให้ตลอด มีความเป็นอยู่ที่ดี งานหนักก็อดทนเอา เพราะได้ไปแล้ว ซึ่งจะติดต่อกันตลอด และช่วงก่อนหน้านี้ที่เคยมีเรื่องการรบกันคน จ.หนองบัวลำภู เสียชีวิต ตนก็ได้บอกลูกชายว่าให้กลับมาบ้าน แต่แต่ลูกชายก็ไม่ยอมบอกว่าไม่เป็นไรจะอดทนเอา เพราะใกล้จะได้กลับแล้ว บ้านหลังนี้ลูกชายก็ส่งเงินมาให้สร้าง
นางมนเทียร ฯ กล่าวต่อไปว่าเมื่อวานนี้มีเพื่อนร่วมงานของลูกชายโทรมาแจ้งข่าวมาว่าให้ทำใจดีๆ ตนจึงถามไป ซึ่งเพื่อนร่วมงานบอกว่านายมาโนช ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ และได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว ตนก็ได้สอบถามไป ก็ทราบว่าถูกยิงที่บริเวณใบหน้า ตนตกใจมาก จึงให้ลูกสาวมาพูดโทรศัพท์แทน ล่าสุดยังไม่สามารถติดต่อได้ เขาไม่ให้ติดต่อไปเพราะ กลัวจับสัญญาณได้ ถ้ามีอะไรคืบหน้าจะโทรกลับไปเอง
นางมณเทียร กล่าวต่อไปอีกว่า เพื่อนลูกชายเล่าว่า ช่วงเกิดเหตุเป็นเวลาพักกลางวัน ลูกชายจะมากินข้าวที่แคมป์ ลูกชายเป็นคนขับรถ แล้วเขาจะมองถ้ามีการยิงกัน เขาจะเป็นคนกดสัญญาณ ช่วงลูกชายแหงนมองท้องฟ้าก็ถูกยิง ตามแขนและขา ซึ่งมีทั้งคนไทยและคนอิสราเอลรวม 5 คน เดิมลูกชายจะทำเรื่องกลับมาพัก แต่นายจ้างให้ต่อสัญญาอีก 1 ปี ซึ่งตามกำหนดจะกลับวันที่ 4 ตุลาคม 2566 แต่เพื่อนทักว่าถ้ากลับไปเกรงจะถูกยึดเงินประกัน ซึ่งกลัวจะไม่ได้เงินจึงได้อยู่ต่อ แล้วมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก่อน
ด้าน น.ส.กัญญารัตน์ สีทอง อายุ 23 ปี น้องสาวของนายมาโนช เปิดเผยว่า เมื่อวานก่อนเกิดเหตุ 10 นาที พี่ชายได้โพสต์ภาพ และเขียนข้อความระบุว่า “สถานการณ์นี้เกือบได้เอากระดูกกลับบ้าน” ในจุดที่พี่ชายทำงาน เมื่อเห็นภาพและข้อความของพี่ชายที่โพสต์รู้สึกตกใจ เพราะพี่ชายไม่เคยเขียนข้อความแบบนี้ แม่จึงโทรไปหาพี่ชาย แต่เป็นเพื่อนร่วมงานรับสาย บอกให้แม่ทำใจดีๆ แล้วบอกว่าพี่ชายถูกยิง อาการล่าสุดนั้นเพื่อนร่วมงานพี่ชายบอกว่าต้องรอล่ามจากทางโรงพยาบาลโทรมาแจ้ง เพราะเมื่อคืนอาการพี่ชาย 50:50
น.ส.กัญญารัตน์ฯ กล่าวต่อไปว่า นายอำพล หาญประยุทธ ชาวจังหวัดขอนแก่น เพื่อนร่วมงานที่อยู่ในเหตุการณ์ วีดีโอคอลเล่ามาว่า ขณะนายจ้างได้พากลับไปเอาพาสปอร์ตและกินข้าว ต้องผ่านถนนใหญ่ พวกตนขับรถเรียบทางรถไฟไป พบหน่วยคอมมานโด ซึ่งพวกเขานึกว่าพวกตนเป็นผู้ก่อการร้าย จึงยิงถล่มใส่รถพวกตน 2 ครั้ง มีเพื่อนร่วมงานถูกยิงเข้าที่ขา ตนจึงร้องให้ทุกคนหมอบลง แต่มาโนชยังไม่ถูกยิง หลังจากนั้นเมื่อรถกำลังวิ่งเข้าทุ่งนา ก็ถูกยิงถล่มอีกครั้ง เหมือนในหนัง มีเฮลิคอปเตอร์ด้านบนและคอมมานโดไล่ยิง จนต้องขับรถซิกแซกหลบไปมา หลังจากนั้นนายมาโนชก็ถูกยิง เพื่อนๆที่มาด้วยกันร้องว่าถูกยิงแล้ว มาโนชก็บอกใจเย็นๆ และมาโนชก็ล้มลง ซึ่งภายในรถมีคนไทยและคนอิสราเอลนั่งกันไป 12 คน ขับรถเข้าไปในหมู่บ้าน ก็ถูกคนในหมู่บ้านยิงใส่ล้อรถอีก2 นัด ตนเห็นนายมาโนชถูกยิงจึงเข้าไปช่วยและจากนั้นเจ้าหน้าที่พาส่งโรงพยาบาล
นายอำพลฯ ได้วีดีโอคอลมาว่าต่อไปว่า ตนพึ่งมาทำงานได้ 1 ปี ยังไม่เคยพบเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ขณะนี้พวกตนและแรงงานคนอื่นๆได้เข้ามาหลบภัยในบ้านนายจ้าง ได้กินเพียงขนมปังกับน้ำ ส่วนคนที่อยู่ตามแคมป์ก็คงจะขาดแคลน ตนก็ฝากบอกญาติๆที่จ.ขอนแก่น ว่าตอนนี้สบายดีอยู่ในที่ปลอดภัยเกิดเหตุแบบนี้ ตนก็จะดูสถานการณ์ไปก่อนถ้าสงบลงเร็วก็จะอยู่ต่อ ถ้ายังมีเหตุการณ์รุนแรงมากว่านี้ก็จะต้องอพยพ ตามที่ทางหน่วยงานกำหนดให้