วันที่ 13 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีมีของกลางยาไอซ์ จำนวน 50 ห่อ น้ำหนักรวมประมาณ 50 กิโลกรัม ที่ได้จากการตรวจยึดของด่านศุลกากรนครพนม หลังขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติ มีการซุกซ่อนลักลอบนำเข้ามากับรถบรรทุก ผ่านทางด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมาซึ่งต่อมาได้นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อทำการเก็บรักษาก่อนจะนำส่งพิสูจน์หลักฐาน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (พฐ.บชภ.4) รับไปเก็บรักษาจนกว่าคดีจะสิ้นสุดโดยของกลางทั้งหมดได้มีการตรวจนับและลงบันทึกไว้เป็นหลักฐานไว้อย่างชัดเจน
ต่อมา พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม รับรายงานจากผู้ใต้บังคับบัญชาว่า ได้ทำการตรวจสอบของกลางเพื่อเตรียมนำของกลางทั้งหมดเพื่อส่งไปเก็บรักษาต่อยัง กองพิสูจน์หลักฐาน กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (พฐ.บชภ.4) พบว่ามีของกลางยาไอซ์หายไป จำนวน 1 ถุง น้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม จึงตรวจสอบหาหลักฐานในที่เกิดเหตุภาพจากกล้องวงจรปิด จึงทราบว่ามีข้าราชการตำรวจในสังกัดตำแหน่งสิบเวร ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ยังห้องควบคุมผู้ต้องหาและห้องเก็บรักษาของกลางดังกล่าวระหว่างช่วงวันที่ 3-4 ตุลาคม มีหลักฐานค่อนข้างชัดเจน
จากนั้น พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม จึงได้สั่งการและนำกำลังเจ้าหน้าที่ออกไปจับกุมผู้ต้องหาด้วยตนเอง ยังแฟลตบ้านพักของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จากการสอบปากคำเบื้องต้นผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพพร้อมทั้งนำยาไอซ์ของกลางที่ลักลอบขโมยยาไอซ์ของกลางจำนวน 1 กก.ออกมาจริง แต่ต้องการนำมาเพื่อเสพเองเท่านั้น ก่อนที่นำยาไอซ์ของกลางที่แบ่งเก็บใส่ขวดพลาสติกซ่อนไว้ในครัวส่งคืนต่อเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม
สำหรับความคืบหน้าจากจับกุม พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม ให้รายละเอียดต่อผู้สื่อข่าวว่า ผลจากการจับกุมตัวผู้ต้องหา ขณะนี้ได้นำตัวส่งฝากขังยังศาลจังหวัดนครพนมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 12 ต.ค 2566 ซึ่งขณะเดียวกัน สภ.เมืองนครพนมจะมีแผนงานป้องกันไม่ให้มีเหตุการณ์ลักษณะเช่นนี้เกิดขึ้นอีก ก็จะได้ทำการปรับปรุงห้องเก็บของกลางให้มีความมิดชิดมากขึ้น รวมถึงติดตั้งเหล็กดัดและลูกกรงทุกด้านเพื่อเพิ่มความแข็งแรงมากยิ่งขึ้น โดยใช้วัสดุทึบแสงเพื่อปิดบังโดยรอบห้องของกลาง รวมทั้งจะมีการเพิ่มเติมจำนวนกล้องวงจรปิดภายในห้อง ส่วนการถือกุญแจของห้องเก็บของกลางก็จะให้ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบออกคำสั่งและคนรับผิดชอบอย่างน้อย 2 คนต่อไป