ข่าวอัพเดทรายวัน

โผล่อีกแล้วลักลอบตัดไม้ประดู่ที่ ส.ป.ก.รวบยกแก๊ง 8 ราย

ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ ร่วมกับตำรวจสภ.ห้วยเม็ก เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า ฝ่ายปกครอง และฝ่ายความมั่นคง กอ.รมน.กาฬสินธุ์ บุกจับกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ประดู่ในพื้นที่ ส.ป.ก.ได้ผู้ต้องหายกแก๊ง 8 ราย พร้อมของกลางไม้ประดู่ 49 ท่อน มูลค่ากว่า 6 แสนบาท รถบรรทุก และอุปกรณ์ตัดไม้จำนวนมาก ขณะที่ผู้การฯกาฬสินธุ์ รุดตรวจสอบ เผยเป็นกลุ่มมอดไม้หน้าใหม่เข้ามาในพื้นที่ พร้อมบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายป่าไม้ ในการป้องกันการกระทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้และเหตุอื่นๆอย่างเต็มที่  

วันที่ 7 พฤศจิกายน 2566 เวลา 13.30 น.ที่ สภ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ นายกิติภูมิชัย วงศ์สนิท นายอำเภอห้วยเม็ก พ.ต.อ.โสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก นายยุทธนา คงสมมาตร ปลัดอาวุโส อ.ห้วยเม็ก พร้อมด้วยนายอดิศร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.สมภาร แสนคำ รอง ผกก.ส.สภ.ห้วยเม็ก พ.ต.ท.สมพจน์ นามวิเศษ สว.ป.สภ.ห้วยเม็ก พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันและรักษาป่าไม้ที่ กส.1 (ดงมูล) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่า กส.5 (บัวขาว)  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอห้วยเม็ก  เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กอ.รมน.กาฬสินธุ์ ร่วมกันตรวจสอบไม้ประดู่ของกลาง  รถเครน 2 คันที่บรรทุกท่อนไม้ประดู่จำนวนหนึ่ง รถกระบะ 2 คัน ซึ่งเป็นของกลาง ที่นำมาเก็บรักษาที่บริเวณด้านหลัง สภ.ห้วยเม็ก หลังจากทำการจู่โจม ตรวจยึดพร้อมจับกุมผู้ต้องหายกแก๊ง 8 ราย เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 6 พ.ย.66 ที่ผ่านมา

พ.ต.อ.โสณกุญช์ ทรัพย์สมบัติ ผกก.สภ.ห้วยเม็ก กล่าวว่า สำหรับการจับกุมผู้ต้องหา 8 ราย และท่อนไม้ประดู่ของกลางครั้งนี้ ประกอบด้วย  1.นายไกรภพ วรรณพัฒน์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 205 ม.16 ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี คนขับรถบรรทุกติดเครน 2.นายธนาธร ศรศรี อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 12/1 ต.ผาสุก อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี ขับรถบรรทุกติดเครน 3.นายคำตัน มีชัย อายุ 62 ปี อยู่บ้านเลขที่ 83 ม.1 ต.หนองบัว อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นายหน้าซื้อไม้ประดู่ 4.นายคำปรี อุปสรรค อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 81 ม.6 ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ผู้เลื่อยไม้ประดู่ 5. นางกุ๊กไก่ อุปสรรค อายุ 41 ปี อยู่บ้านเลขที่ 254 ม.6 ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ผู้รับซื้อไม้ประดู่  6.นางประยวน สมหวัง อายุ 61 ปี อยู่บ้านเลขที่ 36 ม.6 ต.ทรายทอง อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ เจ้าของที่ดิน ส.ป.ก.4-01

“นอกจากนี้ยังมี 7. นายศราวุธ หลักคำ อายุ 29 ปี อยู่บ้านเลขที่ 94 ม.11 ต.ทรายทอง อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ ผู้ช่วยยกไม้ประดู่ และ 8. นายสุวิทย์ นนดารา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 23 ม.6 ต.วาริชภูมิ อ.วาริชภูมิ จ.สกลนคร ผู้รับจ้างเลื่อยไม้ประดู่  พร้อมของกลางไม้ประดู่ 49 ท่อน ปริมาตร 15.791 ลูกบาศก์เมตร คิดเป็นเงินค่าเสียหายของรัฐจำนวน 552,685 บาท  รถยนต์บรรทุกติดเครน ยี่ห้อมิตซูบิชิ สีขาว ทะเบียน 70-5622 อุดรธานี, ยี่ห้อฮิโน่ สีขาว ทะเบียน 71-2719 ฉะเชิงเทรา, รถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้ออีซูซุ รุ่น TFR สีเงิน ทะเบียน บค 1989 นราธิวาส, รถยนต์กระบะตอนครึ่ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทรัน สีดำ ทะเบียน บร 3140 กาฬสินธุ์  และเลื่อยโซ่ยนต์ จำนวน 2 เครื่อง” พ.ต.อ.โสณกุญช์กล่าว

ด้านนายอดิศร คงสมกัน หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์ กล่าวว่าสืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 6 พ.ย. 66 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษป่าไม้กาฬสินธุ์  เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ห้วยเม็ก เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กส.1 (ดงมูล) เจ้าหน้าที่หน่วย ป้องกันรักษาป่าที่ กส.5 (บัวขาว) เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ฝ่ายปกครองอำเภอห้วยเม็ก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังปฏิบัติภารกิจในการลาดตระเวน เฝ้าตรวจการกระทำผิดกฎหมายเกี่ยวกับป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม ได้รับแจ้งว่ามีผู้ลักลอบตัดไม้ในเขตพื้นที่บ้านหนองแก หมู่ที่ 5 ต.ทรายทอง อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์  จึงเข้าตรวจสอบพบกลุ่มบุคคลกำลังทำการตัดไม้  จากนั้นนางประยวน สมหวัง  แสดงตัวเป็นเจ้าของที่ดิน ส.ป.ก.4-016 เลขที่ 2422 เล่ม ที่ 25 หน้า 22 กลุ่มที่ 2554 อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ แจ้งว่าตนเองเป็นผู้ขายไม้ประดู่จำนวน 23 ต้น ให้กับนางกุ๊กไก่ อุปสรรค เป็นผู้ซื้อไม้ประดู่ ในราคา 250,000 บาท มีนายคำตัน มีชัย เป็นนายหน้าซื้อไม้ประดู่ มีนายสุวิทย์ นนดารา เป็นผู้รับจ้างเลื่อยไม้ประดู่  มีนายศราวุธ หลักคำ เป็นผู้ช่วยยกไม้ประดู่  มีนายไกรภพ วรรณพัฒน์ เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกติดเครน บรรทุกไม้ประดู่ จำนวน 24 ท่อน ปริมาตร 1.363 ลูกบาศก์เมตร มีนายธนาธร ศรศรี เป็นผู้ขับรถยนต์บรรทุกติดเครน บรรทุก ไม้ประดู่ จำนวน 25 ท่อน ปริมาตร 4.424 ลูกบาศก์เมตร

นายอดิสรกล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบตอไม้ประดู่ 24 ตอ มีลักษณะผ่านการตัดโค่นใหม่สด ไม่พบรูปรอยดวงตราของพนักงานเจ้าหน้าที่ตีประทับไว้แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาความผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ.2444  มาตรา 11 ฐานร่วมกันทำไม้โดย ไม่ได้รับอนุญาต, มาตรา 69 ฐานร่วมกันมีไม้ท่อนหวงห้ามอันยังมิได้แปรรูปไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มาตรา 70 ฐานร่วมกันรับไว้ด้วยประการใด ซ่อนเร้น จำหน่ายหรือช่วยพาเอาไปเสียให้พ้น ซึ่งไม้ที่ตนรู้อยู่แล้วว่า เป็นไม้ที่มีผู้ได้มาโดยการกระทำผิด พ.ร.บ.เลื่อยโซ่ยนต์ พ.ศ.2555,  มาตรา 4 ฐานมีเลื่อยโซ่ยนต์ไว้ใน ครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต เบื้องต้นทั้งหมดยอมรับ สารภาพตลอดข้อกล่าวหา  เจ้าหน้าที่จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ห้วยเม็กดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ เหตุลักลอบตัดไม้ประดู่ในที่ ส.ป.ก.ครั้งนี้ เพิ่งจะเกิดขึ้นอีกครั้ง หลังจากเกิดเหตุครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 10 ก.ย. 66 ที่บ้านนาขาม ต.นาขาม อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ จำนวน 38 ต้น 72 ท่อน ราคา 350,000 บาท จับผู้ต้องหาพร้อมของกลางได้ 6 ราย รวมทั้งชาวบ้านผู้เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ ส.ป.ก.ด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนของการตัดไม้พะยูงในช่วงนี้ ยังไม่มีการแจ้งเข้ามา

ขณะที่ พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่าจากการตรวจสอบไทม์ไลน์ผู้ต้องหาเบื้องต้น ทราบว่าเป็นกลุ่มใหม่ มาจากต่างจังหวัด ที่เพิ่งเข้ามาในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ส่วนจะมีความเชื่อมโยงกับขบวนการตัดไม้ หรือซื้อขายไม้อย่างไรหรือๆไม่ ก็จะได้ตรวจสอบอย่างละเอียดตามลำดับต่อไป ส่วนผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย หากจะขอใช้สิทธิ์ประกันตัวก็สามารถทำได้ แต่หากเกิน 48 ชั่วโมง ก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ ในส่วนของการป้องกันปราบปราม การลักลอบตัดไม้ ทำลายทรัพยากร ในส่วนของทาง ภ.จว.กาฬสินธุ์ ก็มีแนวทางชัดเจนที่จะบูรณาการกับทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายปกครอง ฝ่ายป่าไม้ ในการป้องกันการกระทำผิดเกี่ยวกับ พ.ร.บ.ป่าไม้และเหตุอื่นๆอย่างเต็มที่  

อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวด้านความมั่นคงระบุว่า ปัจจุบันนายทุนมีความต้องการไม้ประดู่ เป็นที่ต้องการในตลาดของประเทศเพื่อนบ้าน และยังเป็นไม้ที่มีราคาสูง รองจากไม้พะยูง จึงทำให้การบุกรุก ลักลอบตัดไม้ชนิดเนื้อแข็ง เช่น ประดู่เพื่อส่งตลาดประเทศเพื่อนบ้าน มีแนวโน้มสูงขึ้น ซึ่งจากการติดตามกลุ่มขบวนการ และตรวจสอบพบว่าการกลุ่มขบวนการตัดไม้ประดู่ที่ถูกลักลอบตัดไม้ในห้วงปัจจุบันในเขตภาคอีสาน ได้รับใบสั่งจากโรงเลื่อยไม้ในเขต อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เพื่อนำไปแปรรูป เพื่อส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านต่อไป