ครอบครัวหนุ่มแรงงานชาวบุรีรัมย์ ที่ถูกจับเป็นตัวประกันจากเหตุสู้รบอิสราเอลกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ หลังได้ปล่อยตัวล็อตแรก พร้อมเดินทางไปรับที่สนามบิน เมียเหมือนเป็นของขวัญที่สามีรอดปลอดภัย เตรียมทำผัดกระเพราปลากระป๋อง และอ่อมปูเมนูโปรดที่สามีชอบให้กินทันทีที่กลับถึงบ้าน ยันไม่ให้ไปทำงานต่างประเทศอีก





วันที่ 25 พ.ย. 2566 นางนวนจันทร์ จันทร์จร อายุ 68 ปี ชาวอำเภอคูเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ แม่ของนายสันติ บุญพร้อม หนึ่งในแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกันจากเหตุสู้รบที่อิสราเอล พร้อมด้วย น.ส.สุนี บุญพร้อม อายุ 42 ปี พี่สาว , น.ส.กัญญาพัชร แรกไธสง อายุ 35 ปี ภรรยา และลูกชายวัย 15 ปีต่างกอดกันร้องไห้ด้วยความดีใจ หลังทราบข่าวว่านายสันติ ได้รับการปล่อยตัวเป็นล็อกแรกพร้อมกับคนไทยรวม 10 คน ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจร่างกายและประเมินสภาพจิตใจก่อนส่งกลับไทย แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งว่าจะเดินทางกลับถึงไทยวันไหน แต่หากได้รับการยืนยันว่าจะถึงไทยวันไหน ทางครอบครัวก็จะเดินทางไปรับถึงสนามบิน ขณะภรรยาเตรียมทำผัดกระเพราปลากระป๋อง และอ่อมปู เมนูโปรดที่สามีชื่นชอบไว้ให้สามีบประทานเมื่อกลับมาถึงบ้านด้วย
น.ส.กัญญาพัชร แรกไธสง ภรรยานายสันติ บอกว่า สามีไปทำงานที่อิสราเอลได้เกือบ 6 ปีแล้ว เพราะนายจ้างให้ทำงานต่ออีก 1 ปี และมีกำหนดจะกลับบ้านช่วงปีใหม่ที่จะถึงนี้ แต่กลับมาเกิดเหตุสู้รบกันและสามีก็ถูกจับเป็นตัวประกันพร้อมกับแรงงานไทยอีกหลายคน ตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.66 ที่มีการสู้รบกันวันแรก หลังจากคุยวีดีโอคอลกับสามีตอนเที่ยงก็ไม่สามารถติดต่อสามีได้อีก ตอนนั้นครอบครัวกังวลมากเพราะไม่ทราบชะตากรรมของสามีว่าเป็นยังไง ก็พยายามติดต่อประสานหลายช่องทาง ทั้งส่งดีเอ็นเอ.ไปตรวจ จนวันที่ 10 พ.ย.66 ได้รับการยืนยันจากทางการว่าสามีถูกจับเป็นตัวประกันก็โล่งใจระดับหนึ่งเมื่อรู้ว่าสามียังมีชีวิตอยู่ กระทั่งเมื่อทางสถานทูตโทรมาล่าสุดตอนตี 4 ว่าสามีได้รับการปล่อยตัวเป็นล็อตแรกพร้อมกับคนไทยอีกรวม 10 คน ก็ดีใจมาก เหมือนเป็นของขวัญของครอบครัว และปาฏิหาริย์มีจริง เพราะก่อนหน้านี้ทั้งตัวเองและคนในครอบครัวต่างก็ไปกราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลายที่ ทั้งบนบานเพื่อให้สามีรอดปลอดภัย ซึ่งหากสามีเดินทางกลับมาถึงบ้านก็จะพากันไปแก้บนทุกที่ที่บนไว้
ก็ขอขอบคุณทุกคน ทุกหน่วยงานที่มีส่วนในการประสานงาน และช่วยเหลือแรงงานไทยรวมถึงสามีของตนเองด้วย จนได้รับการปล่อยตัวอย่างปลอดภัย หลังจากนี้ก็นับรอวันที่สามีจะได้เดินทางกลับบ้าน และหากสามีได้กลับมาบ้านก็จะไม่ให้ไปทำงานต่างประเทศอีก จะช่วยกันทำเกษตรอยู่ที่บ้านด้วยกัน