วันที่ 4 ส.ค. 2567 เวลา 10.30 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่จังหวัดนครพนม เพื่อติดตามผลการขับเคลื่อนภารกิจของกระทรวงมหาดไทย และมอบนโยบาย บำบัดทุกข์ บำรุงสุข ได้แก่ การแก้ไขปัญหาหายาเสพติด การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ การจัดระเบียบสังคมและปราบปรามผู้มีอิทธิพล เป็นต้น รวมทั้งเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงานแก่เจ้าหน้าที่ โดยมีนายวันชัย จันทร์พร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม หัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย นายอำเภอ กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และผู้เกี่ยวข้องร่วมต้อนรับและรับฟังการมอบนโยบาย ณ อาคารกบิลบุรีศรีนาแก เทศบาลตำบลนาแก อ.นาแก จ.นครพนม






นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ตนได้ให้ความสำคัญกับจังหวัดนครพนม จึงต้องพาผู้บริหารจากกระทรวงมหาดไทย ได้แก่ อธิบดีกรมการปกครอง อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมือง อธิบดีกรมการพัฒนาชุมชน มาพบปะกับพี่น้องประชาชน มารับฟังปัญหาเพื่อให้เห็นกับตาแล้วนำไปทำการบ้านมาพัฒนาให้มีความเจริญและความสะดวกเพิ่มมากขึ้น เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของพี่น้องประชาชน
นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า การปราบปรามยาเสพติด การปราบปรามผู้มีอิทธิพล เป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงมหาดไทยอยู่แล้ว จึงขอให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองท้องถิ่น ไปสร้างความเข้าใจกับพี่น้องประชาชนอย่าได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดโดยเด็ดขาด อย่าไปเป็นเครื่องมือของผู้ค้ายาเสพติดด้วยการรับจ้างขนยาเสพติด ซึ่งจะได้ค่าจ้างเพียง 3,000- 5,000 บาท หรืออย่างมากที่สุดแค่ 20,000 บาท แต่หากพลาดพลั้งถูกจับกุมขึ้นมา มีโทษสถานเดียวคือการประหารชีวิต เมื่อวานมีการแอบเอาขึ้นเครื่องบินที่จังหวัดเชียงใหม่แต่ก็ไม่พ้นสายตาของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง จึงขอฝากกำนันผู้ใหญ่บ้านผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับลูกบ้าน อย่าไปเห็นผิดเป็นชอบ ด้วยเงินค่าจ้างเพียงน้อยนิดแล้วเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยง ซึ่งมันไม่คุ้มกัน ฉะนั้น ดีที่สุดก็คือต้องช่วยกันอย่าให้มีตลาด อย่าให้มีคนเสพ ถ้าไม่มีคนซื้อก็ไม่มีคนขาย เพราะเอาเข้ามาก็ไม่รู้จะขายใคร ผมอยากจะบอกอีกอย่างหนึ่งนะ ยาเสพติดสมัยนี้ มันไม่เหมือนเมื่อ 30-40 ปีก่อน ตอนนี้มันไปสังเคราะห์เอาสารเคมีมาทำยาเสพติด ก็เหมือนเราเสพสารเคมี ซึ่งมันมีผลข้างเคียงอีกหลายร้อยเท่าหลายพันเท่า
“อนุทิน”ย้ำพร้อมสนับสนุนนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท นายอนุทิน ชาญวีรกูล กล่าวถึงโครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ผมเป็นพรรคร่วมรัฐบาลแม้ไม่ได้เป็นเจ้าของนโยบายดิจิตอลวอลเล็ต แต่ร่วมรัฐบาลกันแล้ว ขออย่างเดียวถูกต้องตามกฎหมายและเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน ผมพร้อมยกมือให้ทั้งสองมือเลย เราร่วมรัฐบาลกันแล้วเราต้องทำตามที่คณะรัฐมนตรีทั้งหลายมีความเห็นร่วมกัน เราไม่ขวางไม่ค้านกัน พอกันทีเรื่องความแตกแยก การขัดขาขัดแข้งกัน คนที่ตัดสินใจเลือกเราคือพี่น้องประชาชน ยุคนี้ทุกคนมีความรู้มีข่าวสารใครจะมาเจาะยาง เอาประชาชนมาเป็นตัวประกันไม่ได้ ต้องตั้งใจทำงานให้กับพี่น้องประชาชน ให้ความสะดวกแก่พี่น้องประชาชน พี่น้องเขาเลือกมา ถ้าเราทำดีเขาก็จะเลือกเราเอง ส่วนเรื่องปัญหาต่าง ๆ ที่พี่น้องประชาชนต้องการให้แก้ไข ขอให้รวบรวมมาแล้วส่งผ่าน ส.ส. เพื่อจะได้นำไปพิจารณาดำเนินการต่อไป
นายอนุทิน กล่าวเพิ่มเติม ว่า มีเรื่องความภาคภูมิใจที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ได้ทำเรื่องขอพระราชทานจัดทำเหรียญที่ระลึก 72 พรรษาของในหลวง ซึ่งในวันที่ 10 สิงหาคม 2567 จะมีการมอบเหรียญผ่านผู้ว่าฯ นายอำเภอ มอบให้กำนันผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล เนื่องในวันกำนันผู้ใหญ่บ้าน วันที่ 10 สิงหาคม 2567 ซึ่งข้างหลังเหรียญมีข้อความว่า พระราชทานแก่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งได้รับคนละ 1 เหรียญเท่านั้น จึงขอให้มีความภาคภูมิใจที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งขอแสดงความยินดีกับทุกท่านด้วย
ทั้งนี้ หลังเสร็จสิ้นการมอบนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้มีตัวแทนผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอำเภอนาแก ได้ยื่นหนังสือขอให้กระทรวงมหาดไทยแก้ไขปัญหาในเรื่องเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกินให้เป็นโฉนดที่ดิน