
ตร.ชุดสืบจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับชุดสืบ สภ.เมืองบุรีรัมย์ รวบหนุ่มช่างเคาะพ่นสีตระเวนงัดบ้านอดีต ผกก. ผอ.รร และบ้านหรู 4 หลังในเดือนเดียว กวาดทรัพย์สินมีค่าทั้งทองคำรูปพรรณ ทองแท่ง ธนบัตรไทย ต่างประเทศ ผ้าไหมกว่า 100 รายการ คาดมูลค่าไม่ต่ำกว่า 2 ล้าน

(30 ส.ค.67) เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ร่วมกับตำรวจชุดสืบ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้จับกุมนายคำรณ สุขเลิศ หรือนนท์ อายุ 26 ปี ช่างเคาะพ่นสีอู่แห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ บริเวณริมคลองหลังห้างบิ๊กซี บ้านสวนครัว ต.อิสาณ พร้อมของกลางที่ลักขโมยมา หลังตระเวนก่อเหตุงัดบ้านหรู และบ้านข้าราชการ 4 หลังภายในเดือนสิงหาคมเพียงเดือนเดียว โดยล่าสุดช่วงบ่าย วันที่ 29 ส.ค.67 ได้ก่อเหตุบุกงัดบ้าน พ.ต.อ.สนอง วรรณโคตร อดีตผู้กำกับการ สภ.ลำปลายมาศ เกษียณอายุราชการ กวาดทรัพย์สินทั้งทองคำรูปพรรณ เหรียญสะสม พระเลี่ยมทอง มูลค่ากว่าล้านบาท ส่วนบ้าน ผอ.โรงเรียน และผู้เสียหายอีก 3 หลัง ก็ได้ทรัพย์สินหลายรายการ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมได้นำตัวนายคำรณ ผู้ต้องหา ไปชี้จุดที่ก่อเหตุลักทรัพย์ และตรวจยึดของกลางที่ลักขโมยไป รวมทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่ใช้ประกอบเหตุ จากการตรวจสอบทรัพย์สินที่นายคำรณ ลักขโมยไปมีทั้งสร้อยคอทองคำรูปพรรณ ทองคำแท่ง ธนบัตรเก่าทั้งไทย ต่างประเทศ เหรียญสะสม ผ้าไหม และอื่นๆ อีกมากกว่า 100 รายการ คาดว่ามูลค่าทรัพย์สินไม่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท
จากการสอบถามนายคำรณ ผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า ได้ก่อเหตุงัดบ้านเข้าไปขโมยทรัพย์สินของผู้เสียหายทั้ง 4 หลังจริง ทรัพย์สินที่ได้ก็นำไปซุกซ่อนไว้ที่บ้าน บางส่วนก็ทยอยนำไปขาย โดยทุกหลังจะก่อเหตุช่วงกลางวัน เพราะส่วนใหญ่เจ้าของจะออกไปทำงานไม่อยู่บ้าน แต่เมื่อถามว่ารู้หรือไม่ว่าหนึ่งในหลังที่ก่อเหตุเป็นบ้านอดีต ผกก. ผู้ต้องหาอ้างว่าไม่รู้มาก่อน เพิ่งมาเห็นตอนที่เข้าไปก่อเหตุแล้ว เห็นรูปถ่ายและป้ายชื่อในบ้านถึงรู้ว่าเป็นบ้านของตำรวจ จึงรีบหนีออกจากบ้าน แต่สุดท้ายไม่รอดถูกตำรวจติดตามจับกุมได้พร้อมของกลางที่ลักขโมยไป ทั้งยังอ้างว่าสาเหตุที่ลักขโมยเพราะรายได้ไม่พอกับค่าใช้จ่ายในครอบครัว
หลังจากชุดจับกุมนำไปชี้จุดที่ก่อเหตุ พร้อมทำบันทึกจับกุมและบัญชีของกลกลางแล้ว ก็ได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา “ลักทรัพย์ในเคหะสถานโดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ โดยใช้ยานพาหนะในการกระทำความผิด”