
เมื่อเวลา 17.00 น.วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ที่ กก.ตชด.24 ค่ายเสนีย์รณยุทธ ถนนอุดร-สกลนคร อ.เมืองอุดรธานี พ.ต.อ.กรณ์ ไชยเสือ ผกก.ตชด.24 เปิดเผยว่าได้รับรายงานจาก ร.ต.อ.จีรศักดิ์ คำวะเนตร หน.ชปส.กก.ตชด.24 ว่ามีขบวนการส่งพัสดุสอดไส้ยาเสพติดไปประเทศเกาหลีใต้ ก่อนนำกำลังเข้าไปตรวจสอบกล่องพัสดุตามที่ได้รับแจ้ง พบว่ามียาเสพติดอยู่ด้านในจริง จึงตรวจยึดของกลางทั้งหมดมาที่ชุดปฏิบัติการณ์ เหตุเกิดที่บ้านพักหลังหนึ่ง บ้านหนองแคน หมู่ 13 ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 30 ก.ย.ที่ผ่านมา












พ.ต.อ.กรณ์ ไชยเสือ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ทางชุดสายสืบได้รับแจ้งจากนายอ้วน อายุ 20 ปี (กวีวัฒน์ วรรณคลอง) ชาว ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี ว่ามี น.ส.อาย อายุ 22 ปี (ศิริลักษณ์ วงษ์เปลียว) ชาว ต.เสอเพลอ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ซึ่งเป็นคนที่รู้จักกันมาจ้างวานให้ไปส่งพัสดุให้ ที่ทำการไปรษณีย์ไทย ต.โนนสูง อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อแลกกับค่าจ้าง โดยทำมาแล้ว 1 ครั้ง เมื่อวันที่ 23 ก.ย. ที่ผ่านมา ตอนนั้น น.ส.อาย ขับรถยนต์พาไปส่ง แต่ไม่ลงจากรถ ได้ค่าจ้าง 1,000 บาท หลังจากนั้นเพื่อนที่รู้จักกันบอกว่าเคยถูก น.ส.อาย ว่าจ้างเช่นกัน และบอกว่าข้างในพัสดุเป็นยาบ้า นายอ้วนกลัวจะมีความผิดจึงมาแจ้งเจ้าหน้าที่เอาไว้
จนกระทั่งวันที่ 30 ก.ย. 2567นายอ้วนได้รับการติดต่อจาก น.ส.อาย ให้ไปส่งพัสดุอีกครั้ง แต่ให้ขับรถจักรยานยนต์ไปส่งเอง และจะขับรถจักรยานยนต์เอาพัสดุไปให้ที่บ้าน โดยมีกล้องวงจรปิดหน้าบ้านสามารถบันทึกภาพขณะ น.ส.อาย ขับขี่รถมาที่หน้าบ้าน และยื่นพัสดุให้นายอ้วน ก่อนพูดคุยกันไม่นาน น.ส.อาย ก็ขับขี่รถออกไป นายอ้วนจึงรีบโทรแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบพัสดุทันที ตรวจสอบเบื้องต้นเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาล ปิดด้วยเทปกาวลายการ์ตูนสีชมพูสลับขาว ระบุชื่อและที่อยู่ผู้รับ (โอจุนมิน) เป็นภาษาเกาหลีใต้และภาษาอังกฤษ ปลายทาง เขตปกครองอึมซอง จ.ชุงชองเหนือ ประเทศเกาหลีใต้
“จากนั้น จนท.จึงได้ทำการตรวจสอบในกล่องพัสดุ พบยาบ้าเม็ดกลมแบนสีแดง บรรจุในแคปซูลใส แคปซูลละ 6 เม็ด โดยทั้งหมดบรรจุปะปนกับเม็ดอาหารเสริมอยู่ในกระปุกอาหารเสริมสมุนไพรขวดสีชมพู 3 ขวด และขวดชนิดเดียวกันสีขาว 1 ขวด รวมเป็น 4 ขวด ตรวจนับยาบ้าได้ทั้งหมด 1,248 เม็ด คิดเป็นมูลค่าหากส่งออกไปยังประเทศปลายทางแล้ว จะเป็นราคาเม็ดละ 1,500 บาท รวมทั้งสิ้นประมาณ 1,800,000 บาท และจากการ ตรวจสอบประวัติ น.ส.อาย พบว่าเคยมีสามีมีลูกมาแล้ว ก่อนจะไปคบหากับผู้ชายชาวลาว คาดว่าจะเป็นต้นทางในการนำเข้ายาเสพติดมาในพื้นที่ ก่อนจะออกอุบายให้ผู้อื่นส่งพัสดุสอดไส้ยาบ้าต่อไปยังประเทศเกาหลีใต้”
นายอ้วน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า รู้จักกับ น.ส.อาย มานานแล้ว ส่วนตนไม่มีงานทำ วันที่ 23 ก.ย. น.ส.อายมาจ้างให้ตนไปส่งพัสดุจะให้ค่าจ้าง 500 บาท ครั้งแรกขับรถยนต์พาตนไปส่ง แต่ น.ส.อายไม่ยอมลงจากรถบนกล่องมีชื่อผู้รับแต่ไม่มั่นใจว่าส่งไปประเทศไหน แต่ไม่มีชื่อผู้ส่ง พนักงานไปรษณีย์ ให้ตนเขียนชื่อผู้ส่ง ส่งไปเรียบร้อย แต่ตนรู้สึกเอะใจแค่ว่า แค่ไปส่งพัสดุเขียนชื่อส่งทางไปรษณีย์ได้ค่าจ้างตั้ง 500 บาท จึงไปปรึกษาพี่ที่รู้จัก รุ่นพี่จึงเตือนว่าอาจจะมีของผิดกฎหมาย
“ต่อมาวันที่ 30 ก.ย. น.ส.อาย ติดต่อให้ตนไปส่งพัสดุอีก ตนจึงบอกให้ น.ส.อายเขียนชื่อผู้ส่งมาด้วย ครั้งนี้ น.ส.อาย ได้ขี่รถจักรยานยนต์มาส่งกล่องพัสดุที่หน้าบ้าน ซึ่งมีภาพวงจรปิดหน้าบ้านเป็นหลักฐาน หน้ากล่องมีชื่อผู้รับปลายทางประเทศเกาหลี ตนจึงแกะกล่องดูก็พบว่าเป็นยาบ้า จึงโทรไปบอก น.ส.อายว่าในกล่องมียาบ้า ซึ่ง น.ส.อาย ก็บอกว่าจะมาเคลียร์ให้ แต่ก็ไม่มาและก็บล๊อคทุกช่องทางตนไปเลย ตนจึงนำยาบ้าไปแจ้งตำรวจและบอกว่าใครเป็นคนนำกล่องยาบ้ามาให้”
ร.ต.อ.จีรศักดิ์ เปิดเผยว่า จากการเข้าสืบสวนหาข่าวและเข้าจับกุมคดียาเสพติดที่ผ่านมา เพิ่งจะพบพฤติการณ์ลักษณะดังกล่าวเป็นครั้งแรก ทั้งการบรรจุยาบ้าในแคปซูล และการจ้างวานให้ผู้อื่นส่งพัสดุแทนตัวเอง จากการสอบสวนทราบว่า น.ส.อายทำแบบนี้มาแล้วหลายครั้ง จากการเข้าไปตรวจค้นที่บ้านพักของ น.ส.อาย ก็พบกล่องพัสดุคล้ายกันหลายกล่อง แต่ยังไม่พบตัว น.ส.อาย ตอนนี้อยู่ระหว่างการติดตามจับกุม คาดว่าจะได้ตัวในเร็วๆนี้ หลังจากนี้จะประสานข้อมูลไปยัง ปปส. และหน่วยงานที่เกาหลีใต้ ให้เข้มงวดในการตรวจสอบพัสดุที่จะเข้าประเทศ เพื่อบูรณาการปราบปราบเครือข่ายยาเสพติดร่วมกันให้มีประสิทธิภาพ เนื่องจากพบว่ามีการแพร่ระบาดของยาเสพติดเป็นอย่างมากเช่นกัน