
เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2567 ที่ศาลากลางจังหวัดอุบลราชธานี นายปรัตมิตร ขำคม ประธานชมรมช่วยเหลือและพลเมืองดีต่อประชาชน อ.เขมราฐ อ.นาตาล อ.โพธิ์ไทร จ.อุบลราชธานี นำนายสีฟอง สุนนท์ อายุ 85 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ที่ 3 บ้านคันท่าเกวียน ตำบลนาโพธิ์กลาง อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี พร้อมด้วยญาติ ถือป้าย ข้อความพ่อเมืองอุบลฯช่วยตาด้วยตาไม่ได้รับความเป็นธรรม,ก่อนสิ้นใจ ตาต้องการความสุขอยากได้ที่ดินแบ่งให้ลูกหลานช่วย ตาด้วย , ท่านผู้ว่าฯช่วยคืนความสุขให้ตาด้วยตาต้องการที่ดินคืน เดินทางมาร้องทุกข์ ขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมกับผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด โดยมีนางสาวนงค์ลักษณ์ พรมรักษ์ รักษาราชการผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี มาพบและรับเรื่อง











นายสีฟอง สุนนท์ อายุ 85 ปี กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าวได้รับมรดกมาจากครอบครัว ตนเองเป็นผู้จัดการมรดก ที่ดินแปลง ส.ค.1 มีเนื้อที่ 10 ไร่ เลขที่ 1 วันที่ 3 มกราคม 2498 ซึ่งที่ดินตั้งอยู่ที่บ้านคันท่าเกวียน หมู่ที่ 3 ต.นาโพธิ์กลาง อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ตามคำสั่งศาลจังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2560 ซึ่งมีสิทธิที่จะทำการแบ่งทรัพย์มรดกให้แก่ทายาทโดยธรรมแต่ประสบปัญหาได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากถูกปิดกั้น กีดกัน บังคับ ขู่เข็ญ จากพี่สะใภ้ และหลานไม่ให้ กระทำการใดๆ ในที่ดินแปลงดังกล่าว นอกจากนี้ยังนำเอาที่ดินแปลง ส.ค.1 มีเนื้อที่ 10 ไร่ ไปแบ่งแยกขายให้กับนายทุนญาตินักการเมืองระดับชาติเพื่อทำรีสอร์ท และบ้านพัก ในพื้นที่ดินแปลงดังกล่าว ทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิที่จะทำได้ เพราะเป็นมรดกที่ยังไม่ได้แบ่งให้แก่ทายาท ไร้ที่พึ่งจึงได้พากันเดินทางยื่นหนังสือขอความช่วยเหลือ และขอความเป็นธรรม กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี ช่วยแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ความทุกข์ใจ ให้ด้วย และขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และเรียกคืนทรัพย์มรดกที่ดินแปลง ส.ค.1 มีเนื้อที่ 10 ไร่ที่ถูกนำไปขาย เพื่อที่จะนำที่ดินแปลงดังกล่าวมาแบ่งปันให้แก่ทายาทโดยชอบธรรม
นางสาวนงค์ลักษณ์ พรมรักษ์ รักษาราชการผู้อำนวยการศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุบลราชธานี กล่าวว่าได้รับเรื่องดังกล่าวไว้และจะได้ส่งเรื่องไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เบื้องต้นจะเป็นอำเภอโขงเจียม สำนักงานยุติธรรมจังหวัด เพื่อจะดูแลในเรื่องของข้อกฎหมายที่จะดำเนินการช่วยเหลือเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่อไป ส่วนอำเภอก็จะไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องที่ดิน หลังจากนี้ทางอำเภอก็จะแจ้งให้ทางจังหวัดได้รับทราบ เพื่อมาดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น และอาจจะต้องลงพื้นที่ตรวจสอบให้ได้ข้อเท็จจริงทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 15 วัน