
วันที่ 17 ตุลาคม 2567 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจากนางสมสุข อำพะสนธ์ท(ผู้เสียหาย) อายุ 48 ปี มีบ้านพักอาศัยเลขที่ 66 หมู่ 4 ต.เทนมีย์ อ.เมือง จ.สุรินทร์พร้อมทั้งนำสินค้าและเอกสารใบเสร็จที่ยังเหลืออยู่อีกจำนวนหนึ่งมาให้ผู้สื่อข่าวดู เปิดใจว่าช่วงเมื่อปี 2563 ตนทำงานอยู่กรุงเทพ และมาช่วงโควิดระบาดพร้อมกับนางสุลืน เปรียบกล้า(แม่ผู้เสียหาย) อายุ 84 ปี อายุมากป่วยและเดินไปมาลำบาก ตนจึงกลับมาบ้าน ซึ่งได้มาอยู่บ้านไม่มีงานทำ จังหวะพอดีมีเฟสบุ๊กเด้งเข้ามาในลักษณะเชิญชวนเข้าเรียนอบรมการขายออนไลน์ ตนจึงได้เข้าไปติดต่อเรียนอบรม ซึ่งเสียค่าสมัคร 89 บาท พร้อมกับได้แนะนำสินค้าให้มาเสนอขายสินค้าทางออนไลน์ในนามบริษัท ดิไอคอน จึงได้ปรึกษากับสามี ซึ่งสามีไม่เห็นด้วยแต่ก็เถียงไม่เข้าใจกัน ซึ่งตนตัดสินใจปรึกษานางสุลืน เปรียบกล้า(แม่ผู้เสียหาย) พร้อมกับได้นำที่นาจำนวน 8 ไร่ไปจำนองที่ ธกส. และบ้านพร้อมที่ดินจำนองที่กองทุนหมู่บ้านพร้อมดีบ้งินกู้นอดระบบอีกจำนวนหนึ่ง และก็รีบเข้าสมัครเป็นลูกข่ายของบริษัท ดิไอคอน โดยต้องจ่ายเงิน 250,000 บาท จะได้สินค้ามา 10 ลัง ลังละ 25,000 บาท























ต่อมาสินค้าที่สั่งมาขายได้เป็นบางชิ้น ซึ่งรวมตั้งแต่รับสินค้ามาขายได้ไม่กี่พันบาท โดยทางบริษัท ดิไอคอน เคยแจ้งว่าจะช่วยลูกข่ายขายให้เดินไปด้วยกัน แต่กลับไม่ช่วย จนกระทั่งสินค้าหมดอายุติดต่อแม่ข่ายไปก็เงียบหายกันหมด ไลน์กลุ่มทยอยออกทีละคน พอตนทราบข่าวเรื่องบริษัท ดิไอคอนจากทีวี ตนจึงอยากให้สื่อเป็นกระบอกเสียงอีกทาง เผื่อตนได้เงินคืนกลับมาใช้หนี้สินและเลี้ยงครอบครัวตนต่อไป
น.ส สมสุข อำพะสนธ์ อายุ 48 ปี เป็นผู้เสียหายจาก บ.ดิไอคอล มูลค่าความเสียหาย 250,000 บาท เปิดใจทั้งน้ำตาว่า ตนเคยทำงานประจำที่ กทม. แต่ด้วยแม่อายุมากและไม่ค่อยสบายไม่มีคนดูจึงกลับมาดูแลแม่ที่บ้าน จนเมื่อปี 2563 วันหนึ่งเฟสบุ๊คเด้งขึ้นมาว่า เปิดคอสร์สอนออนไลน์ตนจึงสนใจ และสมัครเข้าเรียน พอเข้าเรียนก็ถูกชักจูงเข้าเปิดบิลโดยมีโแรโมชั่นลดราคาแต่ได้กำไรสูง พร้อมมีเงินปันผลทุกปี ตนคิดว่าดูมั่นคงมีทั้งดาราชื่อดังที่มีชื่อเสียงรวมทั้งมีที่ตั้งบริษัทใหญ่โตมั่นคงน่าสนใจจึงไปกู้เงินทั้งในระบบและนอกระบบ จำนวน 250,000 บาท เพื่อมาลงทุนซื้อสินค้า จำนวน 10 ลัง อาทิ คอลลาเจน วิตามินเสริมต่างๆ แต่สินค้าซื้อมาแล้วขายไม่ได้ แม้ขายได้แต่น้อยมากไม่กี่พันบาท ตนจึงแจกเพื่อนบ้านพี่น้องบ้าง ทานเองบ้าง บางส่วนที่เหลือก็หมดอายุแล้ว ซึ่งตนได้รับความเสียหาย คือเป็นหนี้ไม่มีเงินจ่าย ดอกเบี้ยเดินทุกเดือน ด้านแม่ซึ่งอายุมากแล้วป่วยรู้สึกไม่สบายใจ ทุกข์ใจที่ต้องมาเป็นหนี้ก้อนใหญ่ แม้ทางด้านสามีจะเคยห้ามแล้วแต่ตนไม่ฟัง จึงเกิดการโต้เถียงกันภายในครอบครัวแทบจะเลิกรากันไป ตนนั้นก็ไม่สบายใจท้อแท้ที่ต้องมาเป็นหนี้ก้อนโต จนบางครั้งเคยคิดท้อไม่อยากมีชีวิตอยู่ แต่ตนอาศัยธรรมมะเข้าข่มจิตใจ และยังมีสติคิดถึงลูกอีก2คน จึงไม่จบชีวิตตนเอง ตนนั่นแอบมีความหวังจะได้เงินคืนกลับมาบ้างแม้จะไม่เต็มจำนวนก็ไม่เป็นไร ทุกวันตนนั่นลำบากมากและรู้สึกเสียใจที่ทำให้แม่ต้องมาคิดมากที่เอาที่นาและบ้านของแม่ไปจำนองอละำม่เชื่อฟังคำทักท้วงของสามี
คุณยาย สุลืน เปรียบกล้า อายุ 84 (แม่ผู้เสียหาย) เล่าว่า ตนนั้นกินไม่ได้นอนไม่หลับ เกิดมาไม่เคยเป็นหนี้เยอะขนาดนี้ สงสารลูกสาวและให้กำลังใจลูกสาวตลอดเพราะกลัวลูกสาวคิดสั้น
โดยมีเพื่อนบ้านที่ทราบข่าว ต่างมาให้กำลังใจและมาเยี่ยมเยือนผู้เสียหายทุกวันเพราะสงสาร และอยากให้จับผู้กระทำผิดให้ติดคุกชดใช้หนี้ทุกคน