
จากกรณี ผิง ชญาดา พร้าวหอม อายุ 20 ปี นักร้องลูกทุ่งหมอลำ รถแห่โอปอมิวสิคอุดรธานี สังกัดกีตาร์เรคคอร์ด ออกซิงเกิลของตัวเองมาแล้ว 5 เพลง เสียชีวิตเพราะมีอาการปวด คอ บ่า ไหล่ แล้วไปนวดที่ร้านน้อง เพื่อสุขภาพ ล็อค 42 ริมสวนสาธารณหนองประจักษ์ศิลปาคม เขตเทศบาลนครอุดรธานี โดยระบุมีการบิดคอหรือหักคอ ต่อมามีอาการชาแขน ขา ลำตัว ผลเอกซเรย์ พบว่ากระดูกคอเคลื่อนทับเส้นประสาท ตนป่วยติดเตียง และมีอาการทรุดลงหายใจลำบาก ต้องนำส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ไม่รู้สึกตัว เข้าห้องไอซียู 10 วัน และเสียชีวิต โดยเจ้าหน้าที่ สสจ.อุดรธานี ได้ลงตรวจร้านนวดที่เกิดเหตุ ซึ่งมีหมอนวด 7 คน มีข้อห้ามนวดบิดคอ หักคอ ต้องถามความสมัครใจลูกค้า จำไม่ได้ว่าลูกค้านวดกับหมอนวดคนไหน รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ เหตุเกิด 5 ต.ค 67- 8 ธ.ค. 67 ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น






ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 9 ธันวาคม ที่ห้องประชุมทองกราว สำนักงานสาธารณสุข จ.อุดรธานี ดร.นพ.สมชายโชติ ปิยวัชร์เวลา นพ.สสจ.อุดรธานี นายคงจักร์ บุญทัน ผอ.ศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 8 ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจง กรณี ผิง ชญาดา ได้เสียชีวิตลงที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี เมื่อวันที่ 8 ธ.ค.หลังจาก 3 เดือนก่อนไปนวดที่ร้านนวดแห่งหนึ่งริมหนองประจักษ์ศิลปาคมศิลปาคม หมอนวดได้นวดลักษณะ “บิดคอ” เมื่อมีอาการช้าก็ไปนวดอีก 2 ครั้ง ในที่สุดก็ป่วยไปไหนไม่ได้ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นพ.สมชายโชติ เปิดเผยว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลข่าวสารจากสื่อมวลชน การมาแถลงครั้งนี้เพื่อให้รับข้อมูลตรงกันว่า รัฐบาล และกระทรวงสาธารณสุข ได้ใช้นวดแผนไทยเป็นซอฟพาวเวอร์อย่างหนึ่ง ในการมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งมีบางส่วนก็อยู่เหนือการควบคุมของหน่วยงานราชการ โดยมีเป้าหมายสร้างความเชื่อมั่นประชาชน โดยจากทราบข่าวได้มอบให้ทีมงาน เดินทางไปเคารพศพ “ผิง ชญาดา “ ที่บ้านพัก และได้พูดคุย ให้กำลังใจญาติ พร้อมกับการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการรักษาเป็นอย่างไร ซึ่งก็ตรงกับการที่สื่อมวลชนรายงานส่วนหนึ่ง รวมทั้งแนะนำการช่วยเหลือ อาทิ “กองทุนยุติธรรม”
สสจ.อุดรธานีกล่าวต่อไปว่า การเดินทางลงพื้นที่พบกันครอบครัว “ผิง ชญาดา” มาเข้ารับการรักษาเมื่อ 5 ต.ค.2567 ด้วยอาการเริ่มต้นปวดคอ บ่า ไหล่ ไปนวดในร้านนวดในอุดรธานี โดยอ้างว่าการนวดมีการ “บิดคอ” หรือ “หักคอ” ด้วย หลังจากนวดแล้วสองวันก็มีอาการปวดที่ท้ายทอย จนต้องรับประทานยาระงับอาการปวด จากนั้นหนึ่งสัปดาห์ได้กลับไปนวดอีกครั้ง ที่ร้านเดิมกับหมอนวดคนเดิม ต่อมาก็มีอาการปวดมากขึ้น จึงกลับไปร้านนวดร้านเดิมแต่คนนวดใหม่ เมื่ออาการไม่หายก็มาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี
“30 ต.ค.67 ไป รพ.พิบูลย์รักษ์ ในอาการเดียวกัน แพทย์ได้เอกซเรย์แล้วก็ส่งต่อ รพ.หนองหาน แพทย์ได้สั่งยาแล้วให้กลับไปรักษาตัวที่บ้าน ไม่กี่วันก็เดินทางมาที่ รพ.พิบูลย์รักษ์อีก และส่งต่อมายังที่ รพ.หนองหาน และในช่วง 6-7 พ.ย. รพ.หนองหานส่งต่อมายัง รพ.ศูนย์อุดรธานี ได้นอนรักษาตัวอยู่ที่ตึกกระดูกและข้อ แพทย์ตรวจพบแขนขาอ่อนแรง ไม่มีปัญหาเรื่องกระดูกหักที่ต้นคอ ได้ปรึกษาแพทย์อายุรกรรมจึงเจาะหลัง พบว่าเป็นไขสันหลังอักเสบ จึงทำการรักษาด้วยยา(ฉีด) จากนั้นก็ให้ยาแบบกินหรือรับประทาน แล้วให้กลับไปพักรักษาตัวที่บ้าน โดยไปรับยาที่ รพ.หนองหาน”
ด้วยความห่วงใยของญาตินำผู้ป่วยไป รพ.พิบูลย์รักษ์ จึงส่งตัวมารับยาต่อที่ รพ.ศูนย์อุดรธานีโดย เมื่อ 18 พ.ย.ญาติปรึกษาเรื่องของอาการ เกร็ง กระตุกของผู้ป่วย วันที่ 22 พ.ย. ผู้ป่วยถูกเข้าห้องไอซียู นี่คือข้อมูลที่สามารถให้ได้ ส่วนบันทึกต่างๆรายงานทางการแพทย์ ถือว่าเป็นความลับของผู้ป่วย ทางหมอเองพร้อมให้ความร่วมมือ แต่ก็ทั้งหมดต้องอยู่ที่ญาติ ขอแสดงความเสียใจกับน้องที่ต้องจากพวกเราไป ด้วยอาการการติดเชื้อในกระแสโลหิต อีกทั้งการติดเชื้อรา ซึ่งการติดเชื้อในครั้งนี้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุชัดเจนว่าติดจากไหนได้ อาจจะเป็นการติดช่วงที่มีอาการป่วยแล้วนอนติดเตียง จะตอบชัดเจนลงไปไม่ได้ ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญมาเป็นผู้ตอบ เพื่อเอาหลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาประกอบ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นสิทธิ์ของญาติที่ร้องทุกข์
จากนั้นทาง สสจ.อุดรธานี ร่วมกับศูนย์สนับสนุนบริการสุขภาพที่ 8 ตรวจสอบเบื้องต้นในร้านที่ถูกระบุว่า น้องผิงไปรับบริการนวดนวด พบว่าได้รับอนุญาตถูกต้อง มีพนักงานนวด 7 คน สามารถแสดงใบรับการอบรมแบบเป็นการนวดเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมงได้ 6 คน อีก 1 คน ตรวจสอบผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบุว่าคนนี้ผ่านการอบรม 150 ชั่วโมงเช่นเดียวกัน สำหรับการนวดแยกออกเป็น 2 ประเภท ประเภทแรกเรียกว่าการนวดเพื่อสุขภาพ หรือนวดผ่อนคลาย สถานประกอบการที่เป็นข่าว ตั้งอยู่ริมหนองประจักษ์ศิลปาคมมี 14 ร้าน ตัวอาคาร เทศบาลนครอุดรธานีเป็นผู้ให้เช่า เป็นอาคารมาตรฐานตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขบอกไว้ เป็นการนวดเพื่อสุขภาพทั้งหมด ผู้นวดจะต้องผ่านการอบรม 150 ชั่วโมง ไม่มีการนวดแบบบิดคอ หรือบิดตัว เจ้าของผู้ประกอบการต้องกำกับดูแล
ส่วนประเภทที่สอง จะต้องผ่านการอบรมไม่น้อยกว่า 372 ชั่วโมง ถือเป็นเรื่องของวิชาชีพกำกับโดยแพทย์แผนไทย ซึ่งผู้ผ่านการอบรมจะได้รับใบผู้ประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย มีสภาการแพทย์แผนไทยเป็นคนกำกับมาตรฐาน เหมือนกับแพทย์ทั่วไปที่ต้องกำกับดูแลด้วยแพทย์สภา ซึ่งลักษณะเป็นการรักษา มากกว่าการนวดเพื่อคลายเครียด ส่วนการนวดจริงเราไม่สามารถพิสูจน์ได้ ตามกฎหมายกรณีพิสูจน์ทราบว่า เป็นเหตุว่าเกี่ยวข้องกันหรือไม่ จะต้องมีทำตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งญาติพี่น้องได้ไปแจ้งความกับตำรวจแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่ของเจ้าตำรวจจะดำเนินการ สาเหตุตามข้อสงสัยจะต้องพิสูจน์ทราบ นั่นก็คือการผ่าชันสูตรพลิกศพ ซึ่งต้องขึ้นกับญาติจะดำเนินการต่อ กระทรวงสาธารณสุขพร้อม ให้ความร่วมมือเพื่อให้เข้าสู่กระบวนการ
“ปกติการนวดทั่วไปแบ่งเป็นสองลักษณะ คือ นวดแบบราชสำนัก โดยใช้อุ้งมือฝ่ามือทั่วไป เป็นหลักสูตรนวดเพื่อสุขภาพ 150 ชั่วโมง หลักสูตรไม่มีบิดคอ ดัดเอว การเรียนการสอนก็ไม่มี ในการนวดลักษณะที่สองก็คือนวดแบบเชลยศักดิ์ คือการใช้ศอกทั้งเข่าทั้งบิด หรือที่เราเรียกกันว่าหมอเอ็น ก็คือนวดแบบสายเชลยศักดิ์ หรือการนวดเพื่อรักษา ตัวเองก็มีประสบการณ์เรื่องนี้ กรณีการใช้ผ้าขาวม้าดึงเอว ในฐานะหมอก็ปฏิเสธไม่รับการรักษาแบบนี้ เพราะการรักษาก็ต้องเชี่ยวชาญ มีใบประกอบวิชาชีพ ขณะผู้มาใช้บริการนวด เมื่อปกติเคยนวดแบบราชสำนัก แต่พอไปนวดแบบเฉลยศักดิ์ ก็รู้สึกว่านวดแบบราชสำนักไม่สะใจ ก็ขอให้มีการนวดแบบราชศักดิ์ นั่นคือผู้ถูกนวดเสนอตัวให้เค้านวดแบบนั้น สาธารณสุขเองก็มีหน้าที่ต้องกำกับดูแล ให้เป็นไปตามรูปแบบที่เรากำหนด”
ร้านนวดเพื่อสุขภาพนวดเกินจากอบรม การจะไปลงโทษสั่งปิดทันทีไม่ได้ มันมีแนวทางการปฏิบัติต้องพิสูจน์ทราบ ไม่ใช่สั่งปิดเพราะเป็นข่าว เมื่อวานก็ไม่พบประเด็นดังกล่าว ส่วนที่เป็นข่าวนวดเกินเพื่อสุขภาพ เป็นหน้าที่ของญาติหรือเจ้าทุกข์ ไปร้องทุกข์กับตำรวจ ส่วนกรณีสับสนระหว่างการนวดเพื่อสุขภาพ กับการนวดเพื่อรักษา สาธารณะสุขได้ทำความเข้าใจกับผู้อบรมไปแล้ว ผู้ประกอบการต้องเข้ามาช่วย หาวิธีการประกันคุณภาพ ที่ผ่านมาเราไม่มีข้อกำหนด ลงทะเบียนผู้มาใช้บริการและผู้ให้บริการ แต่ถ้าหากมีก็น่าจะดีในการประกันคุณภาพ ต่อไปในการต่อใบอนุญาต จะต้องให้ทบทวนเรื่องนี้อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องมีการสุ่มตรวจ ซึ่งอุดรธานีเรามีผู้ประกอบการราว 100 แห่ง ผู้ผ่านอบรมมีรวมหลายพันคน ทั้งอยู่ในอุดรฯ กระจายตามหัวเมืองหลัก หรือในต่างประเทศ ผู้ใช้บริการเองต้องรักษาสิทธิ์ของตนเองด้วย
สำหรับพนักงานนวดที่มานวดให้กับผู้ป่วย 2 ครั้ง และใช้วิธีการนวดแบบบิดคอ ยังอยู่ในระหว่างการพิสูจน์ทราบ ว่าพนักงานคนนั้นเป็นใคร โดยข้อมูลที่เราไปตรวจสอบ เขาก็ตอบได้เท่าที่เขาตอบเราได้ อาจจะจดจำกันไม่ได้เพราะนานมาแล้ว หรือไม่พร้อมที่จะให้ข้อมูลคล้ายกับการเก็บข้อมูลไทม์ไลน์ของการพบผู้ป่วย โควิด-19 นอกจากนี้การเคลื่อนของกระดูกซี 1-4 ทำให้คนป่วยเสียชีวิตได้หรือไม่ ผู้ตอบได้ดีที่สุดก็คือแพทย์ด้านกระดูก ตนไม่ได้เป็นหมอกระดูก อีกทั้งไม่ได้ทำการตรวจรักษามาระยะหนึ่งแล้ว อธิบายได้ง่ายๆว่า อะไรที่มันไม่ปกติมันก็มีผลทั้งนั้น การผิดรูปก็มีหลายรูปแบบ ผิดรูปตั้งแต่เกิด , ถูกกระทบกระแทก , การติดเชื้อ , และมะเร็ง ตนคงตอบไม่ได้ทั้งหมด ต้องให้ผู้เชี่ยวชาญกระดูก อายุรกรรม หรืออื่นๆ มาตอบคำถามนี้ ท่านน่าจะอธิบายได้ดีกว่า