น้ำตาสิบเอก วอนลุงตู่ช่วยเหลือ ถูกนายทุนยึดบ้าน-ตำรวจจับแม่อายุ 81 อ้างเหตุไม่โปร่งใส

น้ำตาตกใน ทหาร (หญิง) เสมียนการเงิน ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 14 ชลบุรี พร้อมมารดาวัย 81 ปี ชาวอำเภอห้วยเม็ก จังหวัดกาฬสินธุ์ หอบเอกสารร้องเรียนต่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาฬสินธุ์ช่วยเหลือ หลังบ้านที่อยู่อาศัยถูกนายทุนบุกยึด นำหมายจับขับไล่ ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรม ขอดูเอกสารจากบังคับคดี ตกใจ พบความไม่โปร่งใสอื้อ

                วันที่ 23 มกราคม 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ สิบเอก(หญิง) มุทิตา ภูทอง อายุ 42 ปี เสมียนการเงิน ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 14 ชลบุรี พร้อมด้วยนางแดง ภูทอง อายุ 81 ปี บ้านเลขที่ 57 หมู่ 12 ค.คำใหญ่ อ.ห้วยเม็ก จ.กาฬสินธุ์ นำเอกสารเข้าร้องเรียนต่อนายชัยธวัช เนียมศิริ ผวจ.กาฬสินธุ์ ผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด เพื่อให้ส่งต่อถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยมีนายไชยา เครือหงส์ หัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมฯ และนายสนุน แจะหอม นิติกรประจำศูนย์ดำรงธรรมฯ เป็นผู้รับเรื่องและให้คำปรึกษา

                สิบเอก(หญิง) มุทิตา กล่าวว่า เมื่อปี 2555 ตนได้ทำสัญญากู้เงินกับนายทุนชาว จ.ขอนแก่นรายหนึ่ง จำนวน 180,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 /เดือน เพื่อให้สามีลงทุนทำธุรกิจส่วนตัว โดยไม่มีหลักทรัพย์หรือหลักฐานอื่นใดค้ำประกัน ทั้งนี้ ด้วยความเชื่อใจกันเพราะรู้จักกันมาก่อน ที่ผ่านมาชำระคืนดอกเบี้ยเป็นเงินสด เดือนละ 18,000 บาท  เพราะสะดวกกว่าโอนผ่านธนาคาร และยังไม่มีแอพพลิเคชั่นที่สามารถโอนผ่านทางมือถือเหมือนปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม สามีจะรับผิดชอบในการชำระเงินคืนนายทุน ขณะที่ตนไปปฏิบัติราชการที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้

สิบเอก(หญิง) มุทิตากล่าวอีกว่า ต่อมาตนกับสามีแยกทางกัน และอดีตสามีขาดการชำระหนี้ ทำให้นายทุนส่งฟ้องต่อศาลและถูกบังคับคดีขายบ้านพร้อมที่ดินทอดตลาด ซึ่งปัญหาดังกล่าว ตนเพิ่งทราบเมื่อปลายปี 2562 เนื่องจากมารดา คือนางแดงโทรศัพท์ไปบอก ว่านายทุนมาบอกให้เก็บข้าวของออกจากบ้าน เพราะบ้านหลังนี้ถูกเจ้าหนี้ส่งฟ้องศาลและมีการขายทอดตลาดแล้ว

“ปัจจุบัน ตนย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ ตำแหน่งเสมียนการเงิน ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 14 ชลบุรี พอทราบเรื่องดังกล่าว ทำให้ถึงกับช็อค จึงได้ลาราชการขอดูคัดสำเนากับกองบังคับคดี จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ทราบว่ามีคำสั่งศาลให้มีการขายทอดตลาดบ้านของตน ที่เคยอยู่อาศัยกับแม่และพี่ชายมาตั้งแต่แรกเกิดแล้ว โดยประเมินราคาให้บ้านพร้อมที่ดิน 280,000 บาท แต่ขายทอดตลาดเพียงราคา 200,000 บาท ทั้งนี้ จากการสอบถามรายละเอียดกับเจ้าหน้าที่กองบังคับคดี ยืนยันว่ากรมที่ดินยังไม่ลงบัญชีซื้อขายสมบูรณ์ ทำให้ตนพอมองเห็นช่องทางที่จะขออุทธรณ์ต่อศาล โดยจะร้องขอความเมตตาต่อศาล เพื่อไกล่เกลี่ยและขอความเห็นใจกับเจ้าหนี้ต่อไป  จากนั้นจึงได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ที่ศูนย์การฝึกนักศึกษาวิชาทหาร มณฑลทหารบกที่ 14 ชลบุรี พร้อมรวบรวมเอกสารขออุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว” สิบเอก(หญิง) มุทิตากล่าว

สิบเอก(หญิง) มุทิตากล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อตอนเย็นวันที่ 21 มกราคม 2563 ที่ผ่านมา นางแดงมารดา ได้โทรศัพท์แจ้งว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ห้วยเม็ก นำหมายจับมาที่บ้านพร้อมบอกว่าจำเป็นต้องนำตัวไปส่งศาล โดยบอกว่านางแดงไม่ยอมออกจากบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งตกเป็นบ้านของคนอื่นแล้ว  แม่สูงอายุมากแล้วและสุขภาพไม่ดี จึงขอความเห็นใจกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอย่าเพิ่งจับไปเลย ขออยู่รอลูกสาวก่อน  ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ใจดีมาก ไม่นำตัวแม่มาที่ศาลกาฬสินธุ์ในตอนเย็นวันนั้น ขณะที่ตนได้ขอลางานกับผู้บังคับปัญหา เพื่อมาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งรู้สึกผิดสังเกตกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับบ้านของตนหลายอย่าง ที่เริ่มจากการทำสัญญากู้เงินกับนายทุน โดยไม่มีหลักทรัพย์หรือเอกสารสิทธิ์ใดๆค้ำประกัน โฉนดที่ดินก็ยังอยู่กับตน แต่กลับถูกคู่สัญญาดำเนินการทางกฎหมายอย่างนั้น ซึ่งไม่เป็นธรรมกับตนและแม่เป็นอย่างมาก จึงได้ไปติดต่อขอดูเอกสารต่างๆที่เกี่ยวกับบ้านของตนกับกองบังคับคดี จ.กาฬสินธุ์ อีกครั้ง  และตนกับแม่ก็ต้องช็อคด้วยความตกใจ เมื่อได้เห็นเอกสารสอดแทรกเพิ่มเติมเข้ามาอีกเป็นจำนวนมาก

“พอเห็นเอกสารดังกล่าว อยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไห้ไม่ออก เพราะมีเอกสารชุดใหม่เพิ่มเติมเข้ามามากกว่าที่เคยคัดสำเนา เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2562 ซึ่งตอนนั้นเจ้าหน้าที่บอกว่า การซื้อขายทอดตลาดยังไม่เสร็จสมบูรณ์ แต่ที่มาเห็นวันนี้กลับพบเอกสารระบุว่าการซื้อขายเสร็จสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2562 โดยซื้อวันนั้นจ่ายเงินหมดวันนั้นโอนวันนั้น ทำให้ตนกับแม่มึนงงไปหมด เหมือนเป็นการสร้างเอกสารขึ้นมาใหม่ทีหลัง ตนรับราชการทหาร ยังมาประสบเหตุการณ์ดังกล่าว ถ้าเป็นชาวบ้านธรรมดาจะเจ็บปวดมากแค่ไหน ซึ่งตนเชื่อว่ายังมีชาวบ้านอีกหลายคนที่ถูกกระทำอย่างนี้  แล้วอย่างนี้จะหันหน้าไปขอความเป็นธรรมได้จากที่ไหน จึงขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรม ผ่าน ผวจ.กาฬสินธุ์ เพื่อส่งต่อความเดือดร้อนไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีได้ช่วยเหลือทหารชั้นผู้น้อยด้วย” สิบเอก(หญิง) มุทิตากล่าว

สิบเอก(หญิง) มุทิตากล่าวในตอนท้ายว่า ตนกับแม่ไม่ขออะไรมาก ขอเพียงได้มีโอกาสไกล่เกลี่ยกับนายทุนและกับคนที่มาซื้อบ้าน เพราะตนรักและผูกพันกับบ้านหลังนี้มาก ทั้งนี้ หากที่ผ่านมาทุกขั้นตอนดำเนินการอย่างโปร่งใส ตนจะไม่คิดใจอะไรเลย แต่เท่าที่มาดูเอกสาร รู้สึกไม่โปร่งใสหลายขั้นตอน ทำให้ตนกับแม่ได้รับความเดือดร้อน และต้องไปขอนานที่บ้านญาติ เนื่องจากกลัวว่าหากเข้าไปนอนที่บ้านของตนอีก จะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาจับไปเข้าคุก

อย่างไรก็ตาม นางบุญญาภา เสนามนตรี ผู้อำนวยการสำนักงานบังคับคดี จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งไม่อนุญาตให้บันทึกภาพและเสียงกล่าวว่า เรื่องดังกล่าว สำนักงานบังคับคดี ปฏิบัติตามคำสั่งศาล หากว่าสิบเอก(หญิง)มุทิตาและมารดา รู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถยื่นคำร้องขออุทธรณ์ได้