
ถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผลผลิต โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ ประกาศเตรียมหยุดส่งน้ำเข้าสู่คลองชลประทาน เพื่อให้เกษตรกรเก็บเกี่ยวข้าวนาปรัง และจะได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมคลองส่งน้ำ แต่ยังส่งน้ำลงสู่ลำน้ำธรรมชาติ เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ด้านท้าย พร้อมเตรียมระดมทุกภาคส่วนประชุมวางแผนบริหารจัดการน้ำช่วงหน้าฝน

วันที่ 7 พฤษภาคม 2568 นายสำรวย อินพิทักษ์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำปาว หรือเขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันเขื่อนลำปาวมีปริมาณน้ำอยู่ที่ 734 ล้านลูกบาศก์เมตร (ล้านลบ.ม.) หรือคิดเป็น 37 เปอร์เซ็นต์ จากความจุ 1,980 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งปริมาณน้ำใกล้เคียงกับปี 2566 และปี 2567 ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี เพราะในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมา มีการบริหารจัดการดี ทำให้เขื่อนสามารถกักเก็บน้ำได้เต็มประสิทธิภาพของอ่าง

นายสำรวย กล่าวต่อว่า ในส่วนการบริหารจัดการขณะนี้ได้มีแผนและได้ออกประกาศลดการส่งน้ำให้กับพื้นที่การเกษตรในเขตชลประทานของเขื่อนลำปาว โดยเริ่มปรับลดการส่งน้ำเข้าสู่คลองส่งน้ำทั้งสองฝั่งตั้งแต่วันที่ 28 เมษายน 2568 และจะปิดสนิทในวันที่ 9 พฤษภาคม 2568 เพื่อให้พี่น้องเกษตรกรได้ทำการเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยเฉพาะข้าวนาปรัง

รวมทั้งทางโครงการฯจะได้ดำเนินการปรับปรุงซ่อมแซมคลองส่งน้ำ เพื่อที่จะให้พร้อมในการส่งน้ำในช่วงฤดูฝนต่อไป ซึ่งในช่วงนี้ขอให้เกษตรกร ประปาชุมชนท้องถิ่น และกลุ่มผู้ใช้น้ำทุกภาคส่วนได้กักเก็บน้ำไว้ใรสระน้ำ แปลงนา พ่อพัก เพื่อใช้ประโยชน์ต่อไป ทั้งนี้ทางโครงการฯยังคงระบายน้ำลงลำน้ำปาวผ่านอาคารระบายน้ำ และระบายน้ำผ่านอาคารผันน้ำ หรือสริงเวย์เฉลี่ยวันละ 4.8 ล้านลบ.ม. ไหลเข้าสู่แม่น้ำชี เพื่อช่วยเหลือพื้นที่ด้านท้ายใน จ.ร้อยเอ็ด จ.ยโสธร และ จ.อุบลราชธานี

นายสำรวย กล่าวอีกว่า สำหรับในช่วงฤดูฝนที่จะถึงนี้ ได้มีการบูณาการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าจะมีฝนมากกว่าค่าเฉลี่ย ทางโครงการฯได้มีการเตรียมแผนเพื่อบริหารจัดการน้ำไว้ เพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ไว้แล้ว และเตรียมที่จะประชุมเจเอ็มซีร่วมกับทุกภาคส่วนในช่วงเดือนมิถุนายน 2568 เพื่อร่วมกันพิจารณาประเมินสถานการณ์ในอ่าง และกำหนดแผนการส่งน้ำฤดูฝนปี 2568 ต่อไป

อย่างไรก็ตามในช่วงฤดูแล้งที่ผ่านมาปริมาณน้ำของเขื่อนปาวมีค่อนข้างมาก และได้มีการวงแผนร่วมกับเกษตรกร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อที่จะส่งเสริมให้เกษตรกรได้เพาะปลูก และทางโครงการฯได้ส่งน้ำช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกพืชฤดูแล้ง 2567/2568 และทำการประมงเต็มประสิทธิภาพของคลองส่งน้ำในพื้นที่กว่า 3 แสนไร่ รวมทั้งส่งน้ำช่วยพื้นที่ด้านท้ายอีกด้วย