
วันที่ 8 พ.ค. 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านตำบลกุรุคุ และตำบลใกล้เคียง จำนวนประมาณร้อยกว่ารายกำลังได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักจากการถูกแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาฉ้อโกงและเรียกร้องเอาเงินคืน หลังจากถูกกลุ่มมิจฉาชีพอ้างว่าจะนำเงินมาให้กู้และชำระหนี้ ธกส.ให้แถมมีเงินสดให้ใช้ด้วย โดยมีเงื่อนไขให้ชาวบ้านต้องเบิกเงินที่โอนเข้าบัญชีออกมาให้ทั้งหมดก่อนจะได้รับเงินส่วนแบ่ง ทำให้ชาวบ้านหลงเชื่อลงชื่อเข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก ภายหลังถูกแจ้งความเอาผิดฐานฉ้อโกงก่อนโร่ร้องกลุ่มต่อต้านนายทุนและการฟอกเงิน พาร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนมหาทางช่วยเหลือ
นางมยุรี ทองรี อายุ 50 ปี ชาวบ้านกุรุคุ ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม เปิดเผยว่า ตนเป็นคนแรก ๆ ที่ตกเป็นเหยื่อของแก๊งนี้ โดยเมื่อประมาณเดือนพฤศจิกายน ปี 2567 ได้มีนางสาววิสุนันท์ หรือติ๊ก มาติดต่อว่าจะมีเงินมาให้กู้แถมจะชำระหนี้ ธกส.ให้ด้วย โดยให้ลงชื่อกู้เงินในแบบฟอร์มเปล่า แล้วจะมีเงินโอนเข้าบัญชี หลังเบิกเงินสดออจากบัญชีก็จะมีส่วนแบ่งให้ ตนหลงเชื่อตกลงทำตามที่นางสาวติ๊กเสนอ โดยหลังจากเซ็นต์ชื่อและให้เลขบัญชีธนาคารแก่นางสาวติ๊กไปก็มีเงินโอนเข้าบัญชีของตนมาจำนวน 150,000 บาท ตนก็เบิกออกมาแล้วมอบให้นางสาวติ๊ก ทั้งหมด โดยนางสาวติ๊กมอบให้ตนหนึ่งหมื่นบาท ส่วนที่เหลือถูกนางสาวติ๊กเก็บเอาไว้ทั้งหมดโดยเงินหนึ่งหมื่นบาทที่ให้ตนนั้นนางสาวติ๊กบอกว่าเป็นเงินสินน้ำใจให้เปล่าๆ ไม่ต้องใช้คืนแต่อย่างใด แต่จะต้องหาชาวบ้านมาทำในลักษณ์เดียวกันอีก ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นรายหัวอีกตนเห็นว่าได้เงินง่ายดีจึงหลงเชื่อไปชักชวนญาติพี่น้องมาทำอีกเป็นจำนวนมาก เบ็ดเสร็จแล้วเกือบทั้งหมู่บ้าน รวมๆ แล้วน่าจะ70 ถึง 80คน ต่อมาตนก็ได้รับหมายเรียกจาก สภ.ท่าข้าม ให้ไปให้ปากคำในคดีที่นางสาว ติ๊กและพวกคือนางสาวนิรชา เจียวรนันท์ หรือ อิ้งค์ แจ้งความให้ดำเนินคดีตนและพวกในข้อหาร่วมกันฉ้อโกง โดยมีชาวบ้านถูกแจ้งความ ร่วมด้วยกับตนอีกหลายสิบคน ตนไม่รู้จะทำอย่างไรจึงเข้าขอความช่วยเหลือจากกลุ่มต่อต้านนายทุนและการฟอกเงินร่วมกับชาวบ้านอีกหลายคน ทางกลุ่มจึงพามาร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนมในวันนี้
ด้านนางบุญเลี้ยง แสงสุด อายุ 49 ปี ชาวบ้านหนองหญ้าไซ ตำบลกุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม กล่าวว่า ตนได้รับการชักชวนจากชาวบ้าน ที่ทำไปแล้วว่า จะมีคนมาชำระหนี้ ธกส. ให้ แถมยังมีเงินแถมให้ใช้อีกจึงหลงเชื่อและทำตามที่นางสาวติ๊กแนะนำ โดยเมื่อมีเงินโอนเข้ามา120,000 บาท เขาก็จะให้ถอนออกแล้วนำเงินไปใช้หนี้ ธนาคารธกส.ให้ตน 13,000 บาท พร้อมกับมอบเงินสดให้ตนอีก9,000 บาทที่เหลือตนก็มอบให้เข้าไปทั้งหมด ซึ่งตนยังถามเขาว่าเงินที่ใช้หนี้ให้กับเงินสดที่ให้มา จะต้องใช้คืนมั้ยเขาตอบว่าเป็นการให้เปล่าไม่ต้องใช้คืนแต่อย่างใด ทำให้ตนชอบมาก และชักชวนญาติ ๆ และเพื่อนฝูงที่รู้จักให้มาทำด้วยกันอีกหลายคน แต่ต่อมาก็ได้รับหมายเรียกจากตำรวจ สภ.ท่าข้าม ให้ไปให้ปากคำกรณีเงินโอนเข้าบัญชีตนในครั้งนั้นร่วมกับเพื่อนบ้านอีกหลายคน วันนี้จึงพากันมาร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดเพื่อขอความช่วยเหลือ
ขณะที่นายกฤษ ชัยเทศ ประธานกลุ่มต่อต้านนายทุนและการฟอกเงิน เปิดเผยว่า ขณะนี้มีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบแล้ว 78 คน มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 7 ล้านบาท โดยขณะนี้มีชาวบ้านถูกแจ้งข้อกล่าวหาแล้ว 2 ราย ในข้อหาฉ้อโกง และคาดว่าจะมีเพิ่มขึ้นมาอีกเรื่อย ๆ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าข้าม แจ้งว่า จะต้องหาเงินมาคืนให้ผู้ร้องถึงจะยุติเรื่องได้ โดยตนได้หารือทางอัยการผู้คุ้มครองสิทธิ์ และทาง พล.ต.ต.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง ผบก.ภ.จว.นครพนม ร่วมกับ นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมเพื่อหาแนวทางการช่วยเหลือชาวบ้านอย่างไร ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆ นี้