
วันที่ 12 พฤษภาคม 2568 ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งพร้อมกับรับคลิปกล้องวงจรปิดจาก นายณัฐชมณฑน์ธรณ์ มณีรัตน์ หรือน้องไก่โต้ง (ผู้ชายผมยาว) อายุ 36 ปี และนายอำนาจ ยาผิว หรือน้องมายด์มิ้นท์ อายุ 30 ปี ทำงานเป็นพนักงานมีตำแหน่งผู้ดูแล ศูนย์รวมของฝากเมืองสุรินทร์ เต่าสะเร็น 5 ดาว เลขที่ 283 หมู่ 4 ต.ปรือ อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ว่ามีขโมยเข้ามาที่ศูนย์รวมของฝากเมืองสุรินทร์ เต่าสะเร็น 5 ดาว และได้ใช้มีดพกติดตัวมางัดตู้บริจาคที่วางเรียงอยู่ภายในร้าน 4 ตู้ พร้อมทั้งยังเดินตรงไปที่โต๊ะเคาน์เตอร์เเคชเชียร์เก็บเงิน ซึ่งโจรใจบาปไม่ได้สังเกตว่ามีกล้องวงจรปิดอยู่ที่โต๊ะภาพจึงจับหน้าได้ชัดเจนคนร้ายสวมแมสสีขาวใส่เสื้อแขนยาวมีฮูด และสวมแว่นตา พฤติกรรเห็นได้ว่าโจรใจบาปได้ใช้มีดพกงัดลิ้นชักแต่งัดไม่ได้ จึงได้หยิบกรรไกรที่วางที่โต๊ะมางัด ซึ่งที่โต๊ะเคาน์เตอร์เเคชเชียร์เก็บเงินทั้ง 2ตัว ได้เงินไปประมาณกว่า 10,000 บาท ส่วนตู้บริจาคที่วางเรียงอยู่ภายในร้าน 4 ตู้ที่ทางร้านจะนำไปมอบให้กับวัดกลางสุรินทร์เงินประมาณกว่า 50,000 บาท รวมกันแล้วก็ประมาณกว่า 60,000 บาท ซึ่งวันนี้(12 พ.ค.2568) ก็จะเดินทางเข้าแจ้งความพร้อมกับมอบคลิปวงจรปิดให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.ปราสาท อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ ให้ติดตามตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดี
สัมภาษณ์ นายอำนาจ ยาผิว หรือน้องมายด์มิ้นท์ อายุ 30 ปี พนักงานผู้ดูแลศูนย์รวมของฝากเมืองสุรินทร์ เต่าสะเร็น 5 ดาว เล่าว่า เหตุเกิดเมื่อเช้าช่วง 07.00 น.พนักงานเข้ากะแรก ก็คือที่ตนนั่งจะมีโต๊ะเป็นลิ้นชักไว้สำหรับเก็บเงินค่าใช้จ่ายในตอนเช้า ซึ่งตอนแรกไม่มีใครรู้จนกระทั่งแคชเชียร์จะมาเปิดลิ้นชักเอาเงินไปใช้เงินถูกเปิดออกเลยโทรศัพท์มาถามตนว่ามีใครเอาไปหรือเปล่า ตอนนั้นตนไม่ได้เอะใจว่าเกิดอะไร งันก็ให้นับอีกเครื่องหนึ่งดูว่ามันอยู่ครบไหมปรากฏว่าเงินมันหายไปมันเอาไป 1 เครื่อง อีก 1 เครื่องมันเอาไปไม่หมดเลือกหยิบแต่แบงค์ใหญ่ ๆ ไป จากนั้นมันก็มางัดโต๊ะของตนมันก็หยิบเอาเงินไปอีก ซึ่งมันไม่ได้เอาไปเงินหมดลักษณะทำไมถึงเป็นอย่างนี้ โดยเงินที่หายไปหลัก ๆ ที่นับได้ 2 เครื่องหมื่นต้นรวมกับค่าใช้จ่ายประจำวัน ส่วนตู้บริจาคที่จะนำไปมอบให้กับวัดนับไม่ได้เพราะมันหลายเดือนแล้ว ซึ่งเงินเต็มตู้บริจาคเป็นของวัดกลางสุรินทร์ ซึ่งยังมีตู้บริจาคอีก 3 ตู้ที่ทางร้านจะเปิดทุกเดือนทยอยเป็นหลักหมื่นเหมือนกัน โดยตู้บริจาคหลัก ๆ จะมี 4 ตู้บริจาคงัดเอาเงินไปทั้งหมดเลยทิ้งแต่เหรียญไว้เอาแบงค์ไปหมด ซึ่งตนดูคลิปกล้องแล้วตนไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน โดยลักษณะเป็นคนแต่งตัวดี ส่วนหลักฐานโจรใจบาปได้ทิ้งมีดพกที่นำมางัดได้ทิ้งไว้ที่โต๊ะเก็บเงิน ลักษณะมีเปลี่ยนเอากรรไกรของทางร้านไป ซึ่งเป็นกรรไกรที่เราใช้ทำงาน โดยโจรใจบาปขับรถยนต์กระบะมาจอดอยู่ปากทางเข้าก่อนจะเข้ามาก่อเหตุ ซึ่งที่บริเวณนั้นไม่มีไฟมันมืด ซึ่งช่วงเวลาประมาณ 21.20 น.ที่โจรใจบาปนำรถมาจอดแล้วเดินเข้ามาข้างใน ซึ่งใช้เวลาการก่อเหตุประมาณ 20 นาที โดยโจรใจบาปเดินเข้ามาอย่างใจเย็นมาก ซึ่งที่โต๊ะเก็บเงินจะมีกล้องวงจรปิดเวลาพนักงานเก็บเงิน โดยโจรใจบาปอาจจะเห็นกล้องจึงเข้าไปถอดปลั๊กออกด้วย แต่กล้องวงจรปิดตัวนั้นได้บันทึกไว้ก่อนหน้านี้แล้วแต่เขาพึ่งเห็นตอนเอาเงินเสร็จ เขาเข้ามาไม่มีการมองกล้องเลย ซึ่งกล้องวงจรปิดภายในร้างติดตั้งทุกมุม ลักษณะโจรใจบาปเดินมาแบบเจาะจงเหมือนกับรู้ว่าจุดนี้มีเงินเก็บอยู่ ลักษณะเหมือกับมาดูลาดลาวก่อนที่จะลงมือก่อเหตุ
นายณัฐชมณฑน์ธรณ์ มณีรัตน์ หรือน้องไก่โต้ง (ผู้ชายผมยาว) พนักงานผู้ดูแลศูนย์รวมของฝากเมืองสุรินทร์ เต่าสะเร็น 5 ดาว เล่าว่า หลังจากที่น้องแจ้งตนว่าโดนงัดหรือว่าอะไรที่มันแปลกผิดแปลก ซึ่งตนยังไม่รู้รายละเอียดชัดเจนว่าตรงไหนบ้าน 123 เป็นยังไงเข้าออกทางไหนหรือว่าเขาเดินมาทางไหน แต่พอตนมาถึงแล้วตนจึงรู้ว่าเขางัดประตูเราเข้ามา โดยจุดแรกที่เข้าเจอคือโซนตู้บริจาคเงินให้วัดข้างหน้าเต่าเลย ซึ่งตรงนั้นจะมีตู้บริจาคเงินให้วัด 4 ตู้ โดยตู้บริจาคนั้นเป็นกุญแจที่ใช้กันทั่วไปแล้วถ้าเจอกุญแจที่แข็งหน่อยมันก็เด้งออก ซึ่งตู้ที่มันงัดยากก็เหมือนมีรอยงัดแหกออกที่มันเสียหายเยอะ โดยหลัก ๆ ก็จะเป็นเงินตู้บริจาค ซึ่งมีตู้หนึ่งที่เงินเต็มตู้ ส่วนตู้ที่เหลือก็นจะไม่เต็มจะปกติเพราะว่าที่เรานำเงินในตู้ไปบริจาคให้วัดในเดือน ๆ หนึ่งก็ 20,000-30,000 บาทแล้ว แต่ตู้บริจาคของวัดกลางสุรินทร์ที่เราจะต้องมาบริจาคนั้นจะอยู่ประมาณ 3-6 เดือนแล้วแต่จะเต็มตู้บริจาค ซึ่งช่วงเกิดเหตุตู้บริจาคของวัดกลางสุรินทร์ก็เต็มตู้บริจาคแล้ว ซึ่งปกติถ้าเต็มตู้บริจาคจะอยู่ที่ประมาณ 30,000 เกือบ40,000 บาท ตู้เดียวของวัดกลางสุรินทร์ พอตนดูเสร็จตนจึงดูลักษณะการเดินของโจรใจบาปก็จะเดินตรงมาหยิบของเล่นก่อนเหมือนกับเป็นอะไรที่สดุดตาโจรใจบาป พอเขาดูสักพัก เขาก็เบี่ยงมาทางเคาน์เตอร์โต๊ะเเคชเชียร์เก็บเงิน ซึ่งสังเกตว่าเขามีเจตนาหรือรู้ว่าที่ตรงนี้ที่เราเก็บยอดรับแต่ละวัน หรือว่าสุ่มำปมั่วซั่ว นั้นแหละมันก็ทำให้เราเกิดคิดวิเคราะห์ยากนิดหนึ่ง เขาไปที่ลิ้นชักเขาก็เริ่มใช้มีดพกของเขางัดแต่งัดไม่ได้ จึงวางมีดพกของเขาที่โต๊ะ และได้หยิบกรรไกรที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมางัดอีกครั้ง ซึ่งตรงนี้ก็เป็นหลักฐานที่จะได้มอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจอีกครั้ง โดยตนสงสัยว่าถ้าเป็นโจร ๆ ทำไมไม่เอาไปให้หมด ซึ่งเขาเลือกเอาไปแต่แบงค์ใหญ่ และแบงค์ย่อยแต่เหรียญไม่เอาไป พอเขาเอาได้แล้วเขาก็เดินกลับ ซึ่งการเดินเขานั้นเขาเดินไปเส้นเดียวไม่ใช่ว่าเดินหลง ตนคิดว่าหรือเขาจะเห็นกล้องบนโต๊ะเเคชเชียร์หลัก ๆ แล้วถ้าคนขโมยจริง ๆ เขาต้องรู้ว่าเงินต้องอยู่ที่โต๊ะเเคชเชียร์เก็บเงิน ตนก็เลยข้อสงสัยหมดแต่เรามองว่าเขาน่ารู้ว่ากล้องวงจรปิดตรงนั้นมันชัดเขาก็เลยไม่เดินไป ซึ่งเส้นทางที่เขาเดินเขาคิดว่าเขาหลบกล้องได้เพราะมันเป็นเส้นริม แล้วมาที่โซนพระเป็นตู้ที่ทางเราให้เช่าพระ เขาก็มีการเปิดตู้พระอยู่ตรงนั้นได้สักพักหนึ่ง ซึ่งไม่มีอะไรที่เสียหายมาก ซึ่งกรรไกรที่เขาหยิบมาจากโต๊ะเเคชเชียร์นั้น เขาได้นำวางทิ้งไว้ที่ตู้บูชาพระไว้อีกด้วย อยากฝากให้โจรใจบาปว่าเงินที่เอาไปคือมันเป็นเงินที่คุณเอาไปไม่บริสุทธิ์ใจอยู่แล้ว คือเอาไปใช้ยังไงมันก็ทำให้คุณไม่มีความสุข ซึ่งเป็นเงินที่บริจาคที่ชาวบ้านและคนทั่วไปเขาเอาไว้บริจาค เรายังเอาไว้บริจาคเราไว้เพื่อบริจาคให้กับพระกับเจ้าคุณยังกล้าเอาไปยังไงเวรกรรมมันมีจริงว่าไม่นานก็จับได้ ซึ่งตนอยากให้จับได้นำมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด พร้อมกับตนอยากรู้สาเหตุและเหตุผล อยากรู้ว่าเขาเตรียมการมาก่อนหน้านี้ไหม หรือว่าเป็นมิจฉาชีพทั่วไป แต่ระบบการที่เขาเข้ามามันผ่านขบวนการคิดมาอย่างดีตนเลยคิดว่าเขาน่าจะมาดูลาดลาวไว้แล้ว