
จากการณีผู้ใช้เฟสบุ๊ครายหนึ่งโพสต์ภาพวงจรปิดและข้อความว่า “เหตุคนป่วยจิตเวชมีดฟันขาลูกเขยคนก่อเหตุกันไม่ให้ภรรยาและลูกนำคนเจ็บออกจากบ้าน ได้ลงพื้นที่และนำคนเจ็บออกบ้านได้แล้วและนำตัวส่งโรงพยาบาล(คุ้มแป๊ะดำ) บ้านดอนภู่

โดยภาพวงจรปิดบันทึกวินาทีที่พ่อตาใช้มีดฟันขาลูกเขยเอาไว้ได้ โดยช่วงเวลา 02.25 น.ของวันที่ 20 พ.ค.2568 พ่อตานั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำอยู่หน้าประตูบ้าน ส่วนลูกเขย เดินถือเสื่อออกมาจากห้องนอน แล้วเดินไปที่หน้าประตูเพื่อนำเสื่อไปเก็บไว้ที่หน้าบ้าน จากนั้นพ่อตาได้ลุกจากที่นั่ง เดินเข้าไปใช้มีดฟันที่ขาด้านขวาของลูกเชย จนลูกเขยได้รับบาดเจ็บ ลูกเขยจึงได้แย่งมีดจากมือพ่อตา โดยภรรยาผู้บาดเจ็บ ซึ่งเป็นลูกสาวผู้ก่อเหตุ ได้มาช่วยแย่งมีด แล้วพ่อตาก็เดินออกจากบ้านไป
ต่อมาเวลา 09.00 น.วันที่ 21 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวเดินทางไปบ้านที่เกิดเหตุใน ต.หนองนาคำ อ.เมือง จ.อุดรธานี พบนายศรนรินทร์ วงศ์อนุ ส.อบจ.อุดรธานี เดินทางมาเยี่ยมนายเอ (นามสมมุติ) อายุ 45 ปี ผู้บาดเจ็บ และนางบี (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี ภรรยาผู้บาดเจ็บ ซึ่งได้เดินทางกลับมาจาก รพ.ศูนย์อุดรธานี และยังพบนายซี (นามสมมุติ) อายุ 73 ปี พ่อตาผู้ก่อเหตุ ซึ่งนั่งอยู่บนถนนหน้าบ้านตั้งแต่หลังก่อเหตุ โดยไม่มีอาการคุ้มคลั่งแล้ว แต่ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ซึ่งญาติๆและเพื่อนบ้านต่างเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิดเพราะเกรงว่าจะก่อเหตุอีก และรอเจ้าหน้าที่มานำตัวไปส่งโรงพยาบาล

นางบี ภรรยาผู้บาดเจ็บและลูกสาวผู้ก่อเหตุ เล่าว่า บ้านหลังนี้อยู่ด้วยกัน 4 คน มีตน สามี ลูกสาว และพ่อตนซึ่งป่วยเป็นจิตเวช พ่อจะพักอยู่ห้องโถง โดยตนจะมีการติดตั้งกล้องวงจรปิดเอาไว้ เพื่อดูพฤติกรรมของพ่อ ในช่วงที่ตนกับสามีออกไปทำงานที่โรงฆ่าสัตว์ ช่วงเกิดเหตุ เวลาประมาณ 02.00 น.ตนและสามีตื่นจะไปทำงาน และพ่อก็จะตื่นมาพร้อมกันแบบนี้เป็นประจำ พ่อไปนั่งอยู่เก้าอี้หน้าประตู หลังกินข้าวเสร็จ สามีได้นำเสื่อออกไปเก็บไว้ที่ประตู
นางบี กล่าวต่อไปว่า ตนได้ยินสามีร้อง จึงออกมาดูพบว่าสามีโดนพ่อใช้มีดฟันที่ขาขวา สามีกำลังแย่งมีดอีโต้กับพ่อ ตนจึงเข้าไปแย่งช่วย จากนั้นจึงร้องเรียกลูกสาวออกมาช่วย ซึ่งมีดไม่ค่อยมีความคม แผลจึงไม่เป็นแผลลึกมาก ตนสั่งให้สามีเข้าไปอยู่ในห้อง หลังจากตนและลูกสาวแย่งมีดได้แล้ว พ่อก็เดินออกไปนอกบ้านไป ตนจะพาสามีไปโรงพยาบาล แต่กลัวว่าพ่อจะทำร้ายอีกจึงไม่กล้าออกไป จากนั้นจึงได้โทรขอความช่วยเหลือจากผู้นำชุมชน ให้พาสามีไปโรงพยาบาล ส่วนพ่อก็นั่งอยู่ที่ถนนหน้าบ้านไม่ไปไหน
นางบี เล่าอีกว่า ตนมีพี่น้อง 5 คน ก็ได้แยกย้ายไปอยู่ที่อื่นหมดแล้วและเหลือแต่ตนที่ดูแลพ่อซึ่งป่วยเป็นจิตเวช มากว่า 30 ปี ระยะหลังพ่อไม่กินยาจนมีอาการกำเริบ แต่ก็ไม่ทำร้ายใคร ก่อนหน้านี้พ่อก็เคยปีนขึ้นไปอยู่ต้นไม้ไม่ยอมลง จนมีเจ้าหน้าที่มาช่วยนำตัวลงมา บางครั้งก็เดินไปตามหมู่บ้าน เข้าไปบ้านคนอื่น และมาครั้งนี้พ่อมีอาการหูแว่วว่ามีคนมาบอกว่าลูกสาวลูกเขยตายไปแล้วเป็นปอบ จะมาทำร้าย ถูกผีปอบกินหมด ซึ่งพ่อพูดว่าจะฆ่าให้หมด ให้กินยาก็ระแวงเทยาทิ้งหมด เพราะกลัวว่าจะถูกวางยาฆ่า ถ้าจะกินน้ำก็จะเดินไปตักกินเอง

“ไม่คิดว่าพ่อจะใช้มีดฟันลูกเขยโดยที่ไม่ทันได้ตั้งตัว ถ้าพ่อฟันที่ศีรษะหรือจุดอื่นก็อาจจะถึงชีวิต โชคดีที่มีดไม่คม แผลจึงไม่ลึก แต่ก็มีอาการปวดและมีเลือดออกไม่มาก หลังเกิดเหตุตนได้โทรแจ้งตำรวจ ให้มานำตัวพ่อไปรักษา แต่ไม่ได้แจ้งความเพื่อดำเนินคดี ตำรวจได้แนะนำให้ประสานทางผู้นำชุมชน นำตัวไปส่งโรงพยาบาลเพื่อรักษา ก็อยากฝากถึงครอบครัวที่มีผู้ป่วยจิตเวชให้ดูแลอย่างใกล้ชิดและให้กินยาสม่ำเสมอ ถ้าฟันจุดสำคัญอาจจะถึงขั้นเสียชีวิตได้”
ทางด้านนายศรนรินทร์ วงศ์อนุ ส.อบจ.อุดรธานี กล่าวว่า หลังจากที่ญาติได้โทรแจ้งขอความช่วยเหลือ จึงได้เข้ามาดูพร้อมผู้นำชุมชุน เบื้องต้นได้โทรแจ้งทางตำรวจแล้ว แต่ทางผู้ก่อเหตุมีอาการสงบแล้วไม่ได้อาละวาดไล่ทำร้ายใคร ทางผู้นำชุมชนและญาติก็คงจะนำตัวผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลรักษา แต่อาจจะต้องใช้เวลา เนื่องจากผู้ป่วยไม่กินยาและไม่ไว้ใจใคร จึงยังไม่กล้าที่จะเข้าไปนำตัวส่งโรงพยาบาลเพราะกลัวอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้ซึ่งจะหาวิธีการที่จะนำตัวไปส่งโรงพยาบาลให้ได้ เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับคนในครอบครัว