
เมื่อเวลา 10.20 น. วันที่ 11 มิถุนายน นางชลอ ธนารักษ์ อายุ 80 ปี และนายชา ธนารักษ์ อายุ 35 ปี 2 แม่ลูก อยู่บ้านเลขที่ 1/1 ซ.ศรีพินิจ ชุมชนโนนยาง ถ.ทหาร ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ปั่นสามล้อกระบะมาแจ้งความร้องทุกข์ต่อ ร.ต.อ.ธีรพันธ์ แก้วโพนยอ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ว่า ถูกคนร้ายขโมยทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวม 9 บาท มูลค่าประมาณ 453,798 บาท ซึ่งประกอบด้วยสร้อยข้อมือหนัก 5 บาท 1 เส้น สร้อยคอหนัก 3 บาท 1 เส้น (ของลูกชาย) แหวนทองคำหนัก 1 บาท 1 วง พร้อมด้วยเงินสด 3 หมื่นบาท ที่พวกตนเก็บไว้ในกระป๋อง ซุกไว้ในถังพลาสติก ห่อด้วยเนคไทด์สีเขียว วางอยู่บนเตียงนอนของนางชลอฯบริเวณใต้ถุนหน้าบ้านพักไป โดยสงสัยหลานชายชื่อเบียร์ อายุ 16 ปี ชาวบ้านโนนตูม ต.นาข่า อ.เมืองอุดร ฯ เป็นคนขโมยเอาไป หลังทำทีมาเยี่ยมนางชลอฯ ซึ่งเป็นย่าแท้ๆ ที่ล้มป่วยเป็นโรคหัวใจอยู่ที่บ้าน แล้วนายเบียร์ มาอยู่เพื่อดูแลย่า ตั้งแต่วันที่ 18 พ.ค. แล้วหายตัวไปวันที่ 8 มิ.ย.รวม 20 วัน พร้อมกับทรัพย์สินดังกล่าว วันนี้หลังจากนางชะลอฯเข้าผ่าตัดที่ รพ.ศูนย์อุดรธานี และหมอให้กลับบ้าน จึงพากันมาแจ้งความให้ช่วยตำรวจติดตามจับหลานชายพร้อมทรัพย์สินดังกล่าว กลับคืนมาให้พวกตนด้วย
ต่อมาตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองอุดรฯ หลังจากได้รับเรื่องจากพนักงานสอบสวนแล้ว ก็ได้สอบปากคำสองแม่ลูกเพิ่มเติม ซึ่งก็ยืนยันเช่นเดิมว่า คนที่ขโมยทรัพย์สินไปคือหลานชาย ชื่อนายนายเบียร์ ที่ไปอยู่กับแม่ของเขาที่ บ.โนนตูม ต.นาข่า อ.เมืองอุดรธานี หลังจากพ่อของเขาป่วยเสียชีวิตไปประมาณ 2-3 ปี หลังจากนั้นตำรวจชุดสืบสวน ฯ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบ้านที่เกิดเหตุ พบเป็นบ้านไม้เก่าๆ ยกพื้นสูง จำนวน 3 หลัง อยู่ในเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่
บ้านหลังใหญ่อยู่ด้านหน้าประตูเข้าบ้าน บริเวณใต้ถุนบ้านมีรถสามล้อปั่น 2 คัน ที่ไว้ใช้ใส่ถังไอสครีมเร่ขาย แต่ตอนนี้ไว้ใช้ปั่นหาเก็บขยะรีไซเคิลขาย หลังจากสามียายชะลอฯเสียชีวิตไปเมื่อประมาณ 20 ปีที่ผ่านมา ที่ใต้ถุนมีสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน และพันธุ์ไทยผสมเยอรมันเชพเพิร์ด รวม 2 ตัว และมีขยะรีไซเคิลเต็มใต้ถุนบ้าน ที่เตียงไม้เป็นที่นอนของนางชะลอฯ เนื่องจากป่วยโรคหัวใจ ตาฝ่าฟาง และหูหนวกอีกด้วย ขึ้นบนบ้านไม่สะดวก เลยมากางมุ้งนอนใต้ถุนบ้าน โดยมีสุนัข 2 ตัว อยู่เป็นเพื่อน ส่วนนายชาลูกชายนอนอยู่บนบ้าน
เมื่อ 2 แม่ลูกปั่นรถสามล้อกระบะมาถึงบ้าน ตำรวจสอบถามยายชลอฯถึงที่เก็บทรัพย์สินที่ถูกขโมยเอาไป นางชะลอฯก็เดินไปค้นหาถังพลาสติกออกมาให้ดู ข้างในถังพลาสติกมีประป๋องที่ไว้สำหรับเก็บทรัพย์สินมีค่าไว้บนเตียงไม้ที่ไว้นอนพักผ่อน โดยทองรูปพรรณทั้งหมดยายชลอฯ ใช้เนคไทด์ห่อเอาไว้ในกระป๋อง รวมกับเงินสด 3 หมื่นบาท ที่เบิกออกมาจากธนาคารไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และเป็นค่ารักษาตัว







นางชะลอฯ ให้การพอจับใจความได้ว่า บ้านและที่แปลงนี้ตนและสามี ซื้อมาด้วยราคา 8 หมื่นบาท เมื่อเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา เมื่อผู้สื่อข่าวเลยทำทีขอถามซื้อที่ต่อในราคา 9 หมื่นบาท คุณยายชลอฯก็บอกว่าไม่ขาย กลัวจะไม่มีที่อยู่ หลังจากทองและเงินที่ตนเก็บหอมรอมริบมาตั้งแต่เป็นสาวหายไป นึกถึงความลำบากทีไรก็น้ำตาไหล แม้แต่ตอนกินข้าว ไม่คิดว่าหลานชายในไส้จะมาทำกับย่าแบบนี้
นายชาฯ กล่าวว่า ครอบครัวตนเป็นชาวอยุธยา เป็นหนี้เยอะเลยมาทำอาชีพขายไอสรีมกระทิ ตนกับแม่เข้ามาแจ้งความว่า ทองของแม่และของตน น้ำหนักรวม 9 บาท และ เงินสด 3 หมื่นบาทหายไป มารู้เมื่อวันที่ 8 มิ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งแม่ได้เก็บสะสมไว้ตั้งแต่สาวรับจ้างทั่วไป และได้มาปั่นรถจักรยานและสามล้อขายไอศรีมจนตอนนี้อายุ 80 ปีแล้ว ที่แรกก็ไม่รู้ว่าใครมาขโมยเอาไป จนมาทราบภายหนังว่าหลานชายชื่อนายเบียร์ เป็นผู้ขโมยไป เพราะว่ามีญาติทางแม่ของนายเบียร์ ที่อยู่บ้านโนนตูม ต.นาข่า ขี่รถจักรยานยนต์มาบอกตนว่า ได้ยินนายเบียร์ว่า เอาทองไปขายได้เงิน 2 แสนกว่าบาท คาดว่าจะไปขายร้านทองแถวตลาดบ้านห้วย แต่ก็ไม่แน่ใจ
“นายเบียร์ฯ นั้นเป็นลูกของพี่ชายตนที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำทีมาอยู่ดูแลย่าได้เพียง 20 วัน และเป็นคนติดเกมส์ หลังจากแม่ตนรู้ว่าทรัพย์สินหายไป ตนก็ได้ไปหาหลานชายที่บ้านพี่สะใภ้ ทราบว่าเขาไม่เข้าบ้านมาหลายวัน ตั้งแต่วันที่ 8 มิ.ย. และเมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2568 แม่ตนก็ไปเบิกเงินที่ธนาคาร ธกส.28,000 บาท และมารวมกับเงินเก่าเป็นเงิน 3 หมื่นบาท ที่เอาไว้ใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน และค่ารักษาตัวปกติหลานชายจะอยู่กับแม่ของเขาที่บ้านโนนตูม และช่วงหลังบอกว่าคิดถึงย่า เลยมาอยู่ดูแลย่าด้วยกันได้ประมาณ 20 วัน ก็มาขโมยเงินและทองของย่าไป ถ้าหลานฟังอยู่ ก็ให้นำทองและเงินมาคืนก็จะไม่เอาเรื่อง ถ้าไม่เอามาคืน ก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เพื่อดัดนิสัยของหลานชาย จะได้ไม่ทำแบบนี้อีกต่อไป เดิมทีครอบครัวตนเป็นชาวอยุธยา เป็นหนี้เยอะเลยมาทำอาชีพขายไอสรีมกระทิในตัวเมืองอุดรธานี จนปลอดหนี้สิน และมีเงินซื้อที่ดิน 2 แปลง มีที่ตรงนี้ และที่ ต.โนนสูง”
ด้านนางไสว อันทะผลา อายุ 74 ปี อสม.ชุมชนโนนยาง เปิดเผยว่า ตนคอยมาดูแลยายจากอาการป่วยด้วยโรคหัวใจมานับสิบปีแล้ว ก่อนหน้านี้ครอบครัวแกปั่นรถสามล้อขายไอศรีมใน ซ.ยูค่อน หรือซ.สมิตโยธิน จนมีเงินมาซื้อที่และบ้านอยู่ใน ซ.ศรีพินิจ ตนทราบเรื่องก็สงสารยายมาก เพราะแกดูแลหลานชายมาตั้งแต่เล็กๆ ถึงอยู่คนละบ้านก็มีแกคอยดูแลมาตลอด หลานก็ไม่หน้าจะมาทำแบบนี้กับย่าของตนเอง ตนก็ทราบว่าเมื่อก่อนแกขยันทำมาหาเกิน จนมีเงินเก็บ แต่ก็ไม่คิดว่าแกจะมีเยอะแบบนี้ เคยเห็นแกใส่ทองอยู่ แต่ระยะหลังแกป่วยก็ไม่คอยเห็นใส่ ก็คงเก็บเอาไว้ในที่มิดชิด แกจะอยู่เรียบง่ายแบบนี้ และไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใครในชุมชนเลย
เบื้องต้นตำรวจสันนิฐานว่า นายเบียร์ฯหลานชายผู้เสียหาย อาจจะเห็นที่ซ่อนทองรูปพรรณของย่า ตอนที่ย่าไปเบิกเงินมาจากธนาคาร เมื่อวันที่ 7 มิ.ย.ที่ผ่านมา จึงอาศัยจังหวะย่าและอาเผลอ ขโมยทั้งเงินและทองของย่าและของอาชายไปจนเกลี้ยง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้ ทางตำรวจชุดสืบสวนจะได้ติดตามนายเบียร์ฯ มาสอบถามข้อเท็จจริง หากขโมยไปจริงก็ขอให้บอกว่าเอาไปขายที่ไหน เพื่อจะได้ติดตามมาคืนย่าและอา และดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป เนื่องจากผู้ต้องสงสัยเป็นญาติกัน และยังเป็นเยาวชน