
อนุทินเยี่ยมให้กำลังใจและติดตามสถานการณ์เพลิงไหม้ร้านจำหน่ายพลาสติก ที่จังหวัดอุดรธานี เผยยังพร้อมทำงานร่วมรัฐบาลต่อไป

วันที่ 15 มิถุนายน 2568 ที่ ร้านลิ้มเฮงเส็ง บริเวณถนนรอบเมือง(อุดร – หนองบัวลำภู) เขตเทศบาลนครอุดรธานี อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี และคณะให้การต้อนรับและรายงานสถานการณ์อัคคีภัย ต่อนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และคณะ ที่ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์การช่วยเหลือเยี่ยวยาผู้ประสบภัย พร้อมนำเครื่องอุปโภค-บริโภค ของสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี และสำนักงานเหล่ากาชาดไปมอบบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้ประสบภัยเป็นการเบื้องต้น
สำหรับเหตุอัคคีภัยร้านลิ้มเฮงเส็ง ซึ่งเป็นร้านจำหน่ายเครื่องครัวและเฟอร์นิเจอร์พลาสติก เลขที่ 68/1 ถนนอุดร-หนองบัวลำภู อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2568 เวลาประมาณ 21.30 น โดยร้านดังกล่าวเป็นอาคาร 3 ชั้น 3 คูหา และมีโกดังเก็บของ เปิดดำเนินกิจการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2548 มีนายศิลชัย แซ่เฮ้ง อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของ มีพนักงาน 15 คน

จากเหตุอัคคีภัยครั้งนี้ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต อาคารได้รับความเสียหายทั้งหมด รถบรรทุก 6 ล้อ รถปิกอัพรวม 4 คันที่จอดอยู่หน้าร้านและภายในร้านได้รับความเสียหาย คนงานเล่าว่าได้ยินเสียงแปลกๆ คล้ายไฟฟ้าลัดวงจร ก่อนจะพบว่าเพลิงได้ลุกไหม้อย่างรุนแรง และรวดเร็ว
ทั้งนี้ในวันเกิดเหตุ นายราชันย์ ซุ้นหั้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี ได้บูรณาการ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 14 อุดรธานี ,สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี,สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดอุดรธานี ,นายอำเภอเมืองอุดรธานี ,ที่ทำการปกครองจังหวัดอุดรธานี, นายกเทศมนตรีนครอุดรธานี ,ท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี,มณฑลทหารบกที่ 24 , สถานีตำรวจภูธรเมืองอุดรธานี, เทศบาลเมืองหนองสำโรง ,เทศบาลตำบลหนองบัว, เทศบาลตำบลบ้านจั่น, องค์การบริหารส่วนตำบลนาดี, องค์การบริหารส่วนตำบลนิคมสงเคราะห์ , มูลนิธิสว่างเมธาธรรม, มูลนิธิส่งเสริมธรรม จิตอาสา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าระงับเหตุและควบคุมเพลิงไหม้ ไม่ให้ลุกลามไปยังบริเวณใกล้เคียง

ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงพากันขนทรัพย์สินออกจากบ้านเนื่องจากลัวว่าไฟจะลามมาถึงที่พักอาศัยของตนในขณะที่การไฟฟ้าได้ทำการตัดไฟเพื่อให้เจ้าหน้าที่ได้ปฏิบัติงานได้สะดวกและปลอดภัย ส่งผลให้ไฟดับเป็นบริเวณกว้าง และมีการปิดกั้นถนนห้ามรถผ่านเพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถทำงานได้สะดวก ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงสามารถควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามออกไปนอกพื้นที่เกิดเพลิงไหม้ได้
เบื้องต้นจังหวัดอุดรธานี โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุดรธานี มอบถุงยังชีพ จำนวน 16 ถุง , เหล่ากาชาดจังหวัดอุดรธานีมอบถุงยังชีพธารน้ำใจ จำนวน 1 ถุง และชมรมแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุดรธานี มอบถุงยังชีพ จำนวน 16 ถุง, สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ประสานบริษัทประกันภัย (บริษัท อลิอันซ์อยุธยา ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เรื่องการจ่ายค่าสินไหมทดแทน เบื้องต้นมีความคุ้มครองทุนประกันรวม 36 ล้านบาท แยกเป็นทรัพย์สินที่เอาประกันภัยตัวอาคาร 5 ล้านบาท ทรัพย์สินภายในตัวอาคาร 3 ล้านบาท สต็อกสินค้า 28 ล้านบาท และความคุ้มครองค่าเช่าชั่วคราว 3 หมื่นบาท และเงินทดแทน การสูญเสียรายได้ 30,000 บาท

โดยสำนักงานฯ ได้ให้บริษัทแจ้งเหตุดังกล่าวแล้ว บริษัทจะรีบประสานผู้เกี่ยวข้องและมอบหมายให้เซอร์เวย์เข้าสำรวจภัยตรวจสอบความเสียหายเพื่อพิจารณาชดใช้เงินสินไหมตามความเสียหายแท้จริงแต่ไม่เกินทุนประกันภัยโดยเร็ว
ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า ดูจากอาคาร ซึ่งเป็นอาคารที่เอาไว้เก็บสินค้า ที่เป็นพลาสติก ตนคาดเดาว่าก็อาจจะเกิดไฟฟ้าลัดวงจรแล้วทำให้ไฟไหม้ ซึ่งอาคารอาจจะดูเก่าและสายไฟจึงทำให้ช็อต และสินค้าก็ถูกไฟไหม้วอดไปทั้งหมด ตนได้คุยกับผู้ประกอบการก็ทราบว่าได้ทำประกันเอาไว้ ซึ่งวงเงินคาดว่าน่าจะสามารถชดใช้สินค้าที่ถูกไม่ไป โดยยังมีประกันของทางพาณิชย์ที่เข้ามาตรวจสอบและช่วยให้กับผู้ประกอบการ และยังมีนายกเทศบาลอุดรธานีเข้ามาช่วยเหลือ
ซึ่งตอนนี้ได้ประกาศให้จุดเกิดเหตุเป็นภัยพิบัติแล้ว ก็เป็นพื้นที่เพลิงไหม้ไม่สามารถให้คนเข้าไปได้ ถ้าหากคนเข้าไปผิดกฎหมายแน่นอน และถ้าหากเข้าไปอาคารที่ถูกไฟไหม้อยู่นานก็อาจจะถล่มลงมาได้ เพราะตัวอาคารไม่แข็งแรงแล้วจากที่ดูก็เห็นมีความเอียง โดยถ้าหากเข้าไปแล้วอาคารถล่มลงมาก็ไม่มีความรับผิดชอบอะไรจากหน่วยงานเพราะคนเข้าไปผิดกฎหมาย
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายอนุทินฯ ถึงเรื่องสถานการณ์ชายแดน เปิดเผยว่า ตอนนี้ตนสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดที่อยู่แนวชายแดนให้ดูแลเป็นอย่างดี และเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับพี่น้องประชาชนจากสถานการณ์ชายแดน และแผนจัดตั้งโรงบาลสนามพร้อม หลุมหลบภัยเร่งทำการสำรวจเพื่อที่จะปรับปรุงให้กับประชาชน ส่วนไหนที่ขาดก็จะเร่งจัดเตรียมให้พร้อมทุกส่วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงเรียนเตรียมการป้องกันไว้ให้พร้อม ชุมชนวัดต่างๆไม่ต้องกังวล จนได้สั่งการให้ผู้ว่าเตรียมให้พร้อม

นายอนุทินฯ เปิดเผยต่อว่า หลังจากที่ประเทศกัมพูชายื่นต่อศาลโลกแล้ว ซึ่งเราไม่สามารถไปวิพากษ์วิจารณ์ และให้ความเห็นในสิ่งที่ รัฐบาลที่ไม่ใช่ประเทศไทยดำเนินการ โดยก็เป็นสิทธิของเขา ส่วนทางประเทศไทยก็ประกาศชัดเจนว่าเราไม่รับในส่วนนั้น ส่วนเรื่องขวิหารนั้นก็เป็นเรื่องที่เกิดมานาน และต่อเนื่องมา
ส่วนเรื่องปรับคณะรัฐมนตรีตอนนี้สบายใจ วันนี้มาทำงานคณะรัฐมนตรีไม่เกี่ยวกับประชาชน เพราะถามเรื่องนี้ประชาชนคงเบื่อแล้ว ประชาชนอยากจะรู้ว่าคณะรัฐมนตรีทำอะไรเพื่อประชาชนบ้าง แต่มีเหตุการณ์ทั้งชายแดน และเศรษฐกิจ ซึ่งเราเอาเรื่องของพี่น้องประชาชนเป็นหลักดีกว่า เรื่องปรับคณะรัฐมนตรีเป็นเรื่องของพรรคการเมือง ตราบใดที่ยังไม่มีการปรับคณะรัฐมนตรีก็ยังทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชน