
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 15 มิถุนายน พ.ต.ท.ศิริชัย โพธิจักร สว.สอบสวน สภ.เมืองอุดรธานี ได้รับแจ้งว่า มีเหตุคนเร่ร่อนใช้อาวุธมีดแทงกันได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนฟุตบาทหน้าโรงแรมอุดรโฮเต็ล ถ.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ขณะนี้หลังจากปฐมพยาบาลเบื้องต้นในจุดเกิดเหตุรถพยาบาลอาสากู้ชีพมูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน และชุดเคลื่อนที่เร็ว นำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานีแล้ว ทราบชื่อภายหลังคือ นายเผด็จ แสงจันทร์ อายุ 67 ปี ชาว ต.นาดี อ.หนองแสง จ.อุดรธานี เป็นคนเร่อนเดินรับจ้างลับมีด ในเขตเทศบาลนครอุดรธานี จากการสอบสวนเบื้องต้น อยู่ในอาการมีนเมาสุราให้การไม่ค่อยรู้เรื่อง ส่วนผู้ก่อเหตุจากกล้องวงจรปิดร้านขายบะหมี่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 30 เมตร บันทึกภาพ ไว้ได้เป็นชายอายุประมาณ 40-50 ปี สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีเหลือง กางเกงขาสั้นสีเทา ได้เดินสะพายกระเป๋าสีดำ หลบหนีไปทางสี่แยกร้านพระธรรมขันต์โอสถ ถ.ประจักษ์ศิลปาคม หลังจากได้รับแจ้งจึงออกไปตรวจสอบพร้อมด้วยตำรวจชุดสืบสวน
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไปถึงที่เกิดเหตุ พบหยดเลือดริมถนน และบนฟุตบาท ใต้ต้นไม้พบรองเท้าแตะสีเหลือง 1 คู่ บนฟุตบาทหน้าแปลงต้นไม้ประดับหน้าโรงแรม พบถังพลาสติกสีดำ 1 ใบ ข้างในมีหินลับมีด 1 แท่ง และขวดเหล้าขาวเปล่าวขวดใหญ่ 1 ขวด อยู่ในถุงพลาสติก และพบขวดน้ำดื่มที่ดื่มจนหมดจำนวนหายขวดกระจัดกระจาย แต่ไม่พบอาวุธมีดของกลางที่ใช้ก่อเหตุ คาดว่าเป็นของผู้ก่อเหตุ
จากการสอบถามนายบ็อบ อายุ 39 ปี พนักงานเสิร์ฟที่ร้านบะหมี่ เปิดเผยว่า ตอนเกิดเหตุขณะที่กำลังเริ่มเก็บของที่ร้าน ได้ยินแต่เสียงคนเอะอะโวบวาย เลยมองไปเห็นคนก่อเหตุและคนเจ็บนั่งกันอยู่ 2 คน แล้วก็ทำท่าทางเหมือนหยอกล้อกัน ตนก็ไม่ได้สนใจอะไรและเก็บร้านต่อ จากนั้นสักพักตนเดินออกมาทิ้งขยะ เห็นคนเสื้อเหลืองที่นั่งอยู่ด้วยกับลุงคนเจ็บ เดินผ่านหน้าร้านไป ตนสังเกตเห็นมีเลือดตรงแขน และมีรอยหยดเลือดไปตามทาง แล้วรถมูลนิธิก็มารับลุงไปส่งโรงพยาบาล ตนมาทราบอีกทีว่า เขาเอามีดแทงกัน ตนก็ตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำกันขนาดนี้
ส่วนนายมินธาดา ศรีจันทรา อายุ 24 ปี หน่วยกู้ชีพเคลื่อนที่เร็ว มูลนิธิอุดรสว่างเมธาธรรมสถาน กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุจากพลเมืองดีว่า มีคนถูกทำร้ายร่างกายโดยอาวุธมีด แทงเข้าที่หน้าท้องได้รับบาดเจ็บ บริเวณหน้าโรงแรมอุดรโฮเต็ล จึงรุดไปตรวจสอบขับรถวนหาอยู่ประมาณ 5 นาที จึงพบชายสูงอายุนั่งจมกองเลือดอยู่หน้าโรงแรมอุดรโฮเต็ล มีบาดแผลบริเวณหน้าท้อง ยาวประมาณ 2 เซ็นติเมตร ลึกประมาณ 1-2 เซนติเมตร มีเลือดไหล จากการสอบถามผู้บาดเจ็บทราบว่า ผู้ก่อเหตเป็นชายเร่ร่อนไม่ทราบชื่อ วัยกลางคน เข้ามาตีสนิทพูดคุยกัน และชวนกันดื่มสุราขาวจนเมา แล้วอาจจะคุยกันไม่รู้เรื่อง หรือพูดไม่เข้าหูกัน จึงได้เกิดการทะเลาะวิวาท ก่อนใช้อาวุธมีดแทงเข้าที่บริเวณหน้าท้องผู้บาดเจ็บ แล้วเดินหลบหนีไป
“โดยผู้บาดเจ็บบอกว่าคนก่อเหตุได้ชิงเอาเงินไป 5,000 บาท และทราบว่าผู้ถูกแทงมีอาชีพรับจ้างลับมีด จากการตรวจสอบไม่พบมีดที่ใช้ก่อเหตุ คาดว่าคนร้ายจะนำไปด้วย ซึ่งผู้บาดเจ็บให้การได้ปกติแต่มีอาการมึนเมา จะพูดวกไปวนมา บอกว่าเป็นคนจังหวัดนครราชสีมา แต่มาพักอยู่อำเภอหนองแสง จ.อุดรธานี แกจะเดินเร่ร่อนรับจ้างลับมีดไปเรื่อยๆ ในตัวเมืองอุดรธานี ซึ่งในที่เกิดเหตุ ก็จะมีแค่หินลับมีดอยู่ในถังพลาสติก และแกบอกว่าคนก่อเหตุเป็นชาย สูงประมาณ 160 เซนติเมตร ใส่เสื้อสีเหลือง กางเกงขาสั้น หลังจากก่อเหตุแล้วก็เดินหลบหนีไปทางแยกธรรมขันต์โอสถ”





ต่อมาเมื่อเวลา 17.20 น. วันเดียวกัน (15 มิ.ย. 68) พ.ต.ท.บรรจง พาโคตร สว.สส.สภงเมืองอุดรธานี นำกำลังติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุได้ขณะนอนอยู่บนฟุตบาท ริมถนนอุดรดุษฎี ข้างตึกคอมแลนด์มาร์ค อุดรธานี ต.หมากแข้ง เขตเทศบาลนครอุดรธานี ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1.5 กิโลเมตร ทราบชื่อภายหลังคือ นายสมจิตร หลาวิชัย อายุ 52 ปี ชาวบ้านศรีเชียงใหม่ ต.นาดี อ.เมือง จ.อุดรธานี มีอาการมึนเมาสุราพูดจาไม่ค่อยรู้เรื่อง และมีบาดแผลแหวะที่โคนนิ้วชี้ และหัวแม่มือด้านซ้าย เลือดไหลไม่หยุด จากการยื้อแย่งอาวุธมีดกับผู้บาดเจ็บที่โดนแทงเข้าท้อง ตรวจสอบในกระเป๋าและในตัวไม่พบอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ มีเงินติดตัวเพียง 20 บาท จึงควบคุมตัวมาที่โรงพัก พร้อมกับแจ้งมูลนิธิมาปฐมพยาบาลทำแผลและห้ามเลือด ก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ทำการเย็บแผล
จากการสอบสวนนายสมจิตรฯ ให้การด้วยอาการเมาสุราว่า มีอาชีพรับจ้างทั่วไป และเร่ร่อนพักอาศัยอยู่ในทุ่งศรีเมือง เขตเทศบาลนครอุดรธานี และเพิ่งรู้จักกับคู่กรณี เป็นคนเร่ร่อนเหมือนตน แต่จะรับจ้างลับมีดตามร้านอาหาร ก่อนเกิดเหตุตนเดินมาเห็นลุงคู่กรณีนั่งอยู่ริมฟุตบาทตรงจุดเกิดเหตุ เลยเข้าไปคุยด้วย แรกๆก็คุยกันถูกคอ แล้วให้เงินตนไปซื้อเหล้าขาขวดใหญ่มากินด้วยกัน 2 ขวด จนมีอาการมึนเมาด้วยกัน พอเหล้าหมดก็เอามีดปลอกผลไม้ยื่นให้ตนลับมีดให้ ซึ่งเป็นมีดของลุงคู่กรณี ไม่ใช่มีดของตน
“พอลับมีดให้เขาเสร็จ เขาก็เอามีดที่ตนลับให้มาจ้วงแทงตน จึงใช้มือจับมีดไว้จนได้รับบาดเจ็บ และแย่งเอามีดจากมือลุงคู่กรณี แทงไปที่ท้อง 1 ครั้ง ก่อนเดินหลบหนี และจำไม่ได้ว่ามีดอยู่ที่ไหน เพราะตนก็เมามากด้วย และจำไม่ได้ว่าทิ้งอยู่ในที่เกิดเหตุหรือไม่ กระทั่งมาถูกตำรวจติดตามมาควบคุมตัว และไม่ได้ชิงเอาเงินของลุงคู่กรณี 5 พันบาท ตามที่ลุงคู่กรณีกล่าวอ้าง และแกเป็นคนนิสัยขี้คุยโวด้วย ในส่วนที่ตนถูกแทงก่อน ตนก็ไม่ติดใจเอาความกับเขา แต่เขาจะเอาเรื่องกับตนหรือไม่ค่อยมาคุยกันอีกที่ที่โรงพัก หลังจากตนและคู่กรณีรักษาตัวจนหายดีแล้ว”
เบื้องต้นตำรวจยังไม่แจ้งข้อหานายสมจิตรฯ เนื่องจากก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน อย่างไรก็ตามทางหลังจากนี้ทางพนักงานสอสวนเจ้าของคดี จะได้เชิญตัวทั้ง 2 คน มาสอบปากคำหาสาเหตุที่แท้จริงอีกครั้ง หลังจากรักษาตัวจนหายดีแล้ว เพื่อดำการตามขั้นตอยของกฎหมายต่อไป….