
เมื่อเวลา 09.20 วันที่ 21 มิถุนายน ขณะที่ ร.ต.อ.ปรีชา กังขอนนอก รอง สวป.สภ.ย่อยนาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี นำกำลังออกตรวจพื้นที่รับผิดชอบ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุหนุ่มหลอนยาปั่นรถจักรยานสีแดงเข้าไปในวัดป่าตูมคำ ม.1 ต.นาข่า แล้วเดินเข้าไปแกะเอาพระเครื่องบนผนังโบสถ์ ที่ชาวบ้านนำมาถวายไปจำนวนหลายองค์พร้อมกับแกะเอาเหรียญกษาปณ์ที่ติดไว้ที่องค์พระพุทธรูปหน้าวัดไปด้วย


ชายดังกล่าวเคยเข้ามาก่อเหตุแบบนี้ภายในสัปดาห์นี้ 3 ครั้งแล้ว แต่ยังจับตัวไม่ได้ จนมาก่อเหตุครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 และขณะนี้ญาติและพระในวัดสามารถควบคุมตัวไว้ได้แล้วขณะก่อเหตุอยู่ได้ตัวคาหนังคาเขา หลังจากได้รับแจ้งพร้อมด้วย ร.ต.ท.บุญเจอ หมั่นอุตส่าห์ รอง สว.สส.สภ.ย่อยนาข่า รีบนำนำกำลังออกไปตรวจสอบ
เมื่อไปถึงวัดที่เกิดเหตุพบว่าทางวัดได้ควบคุมตัวชายดังกล่าวทราบชื่อนายหลิว อายุ 32 ปี ชาวบ้าน ต.นาพู่ อ.เพ็ญ จ.อุดรธานี ยืนอยู่หน้าโบสถ์ พร้อมกับรถจักรยานสีแดงคู่ใจ ตรวจสอบภายในกระเป๋าสะพายสีดำที่วางไว้ในตะกร้าหน้ารถพบพระเครื่อง 5-6 องค์ จากการสอบถามครั้งแรกไม่ยอมรับว่าขโมยพระเครื่อง แต่ต้องจำนนด้วยหลักฐาน แล้วให้การวกวนเหมือนคนสติไม่ดีจากการใช้สารยาเสพติด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจจึงถอดหมวกนายหลิวออกมาแล้วฟาดไปที่ศีรษะ เพื่อให้นายหลิวตั้งสติตอบคำถามกับตำรวจ ซึ่งตำรวจก็ได้ห้ามปรามไว้ได้


จากการสอบสวนเบื้องต้นนายหลิว ให้การยอมรับสารภาพว่าได้เข้ามาลักแกะเอาพระเครื่องบนผนังโบสถ์ใส่กระเป๋าประมาณ 5-6 องค์ และได้เคยเข้ามาขโมย 3 ครั้งแล้ว ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ก็มาถูกชาวบ้านและพระล้อมจับไว้ และยอมรับว่าติดเสพยาบ้ามานาน ขณะนี้อยู่ในระหว่างการบำบัดรักษา กินยาจิตเวช เมื่อวานก็ได้เสพยาบ้าไป 1 เม็ด จากที่ซื้อมาจากเพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันในราคาเม็ดละ 40 บาท ที่ตนทำไปเพราะชื่นชอบพระเครื่อง โดยเฉพาะพระสมเด็จ และสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว ก่อนที่จะลักแกะเอาพระเครื่อง ตนก็ได้ทำพิธีสวดมนต์อาราธนาศีล เพื่อขอพระเครื่อง พร้อมกับก้มลงกราบต่อหน้าองค์พระประธานในโบสถ์แล้ว ซึ่งนายหลิว ก็ได้ยกมือพนมแสดงท่าทางพร้อมกับสวดมนต์ตามความเชื่อของตัวเขาเอง


ด้านพระอธิการ ธวัชชัย ฐานิสสโร อายุ 61 ปี เจ้าอาวาสฯ กล่าวว่า นายหลิวเคยมาก่อเหตุลักแกะพระเครื่องในโบสถ์ และที่พระพุทธรูปไปแล้วภายในอาทิตย์นี้ 3-4 ครั้ง กระทั่งญาติโยมและพระในวัดจับตัวได้คาหนังคาเขา มีทั้งพระเก่าและพระใหม่ ส่วนมากจะเป็นพระสมเด็จ และพระเกจิอาจารย์ดังในภาคอีสาน ที่ญาติโยมนำมาร่วมทำบุญถวายให้กับวัด เพื่ออนุรักษ์นำไปติดตามผนังโบสถ์ และบนพระพุทธรูปที่ประดิษฐานอยู่หน้าวัด อาตมาก็ไม่โกรธแค้นและติดใจเอาความ เพราะได้พระเครื่องที่นายหลิวเข้ามาก่อเหตุคืนมาแล้ว ท่าทางเขาจะชอบพระเครื่องมาก อีกทั้งเขาเป็นคนสติไม่ดีจากการใช้สารเสพติด แต่ก็ไม่อยากให้ทำแบบนี้อีก มันเป็นบาปเป็นกรรมหนัก เพราะเป็นของวัด ที่ชาวบ้านนำมาถวายวัด เพื่ออนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกของประเทศชาติ เพื่อให้ลูกหลานคนรุ่นใหม่ได้ศึกษาเรียนรู้สืบต่อไป
“เขามีเจตนาทำแบบนี้ ก็ผิดศีลข้อที่ 2 อทินนาทานา เวรมณี คือการลักทรัพย์ของผู้อื่นที่ไม่ได้ให้แก่เรา ไม่ว่าจะอยู่ในวัด หรืออยู่ข้างนอกวัดก็ตาม แต่มาลักของในวัดก็ถือว่าเป็นบาปกรรม 2-3 เท่า ตายไปก็จะเป็นเปรต เป็นสัมภเวสี ไม่ผุดได้เกิด เพราะเป็นกรรมหนักมาก ที่อาตมาไม่ดำเนินคดีกับเขา ก็เพราะว่าเขาได้รับกรรมเข้าแล้วตั้งแต่เริ่มก่อเหตุ จะช้าหรือเร็วเขาก็ต้องรับกรรมที่ก่อไว้ และเพื่อให้เขาได้สำนึกผลของบาปกรรมที่ก่อเอาไว้ และให้เขากลับตัวกลับใจเป็นคนดี ไม่มาก่อเหตุแบบนี้อีก”


จากนั้นตำรวจได้ควบคุมตัวนายหลิวไปดำเนินการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ที่ สภ.ย่อยนาข่า พบว่าเป็นสีม่วง เบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อกล่าวหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และเป็นภัยสังคม ส่ง ร.ต.อ.อิทธิพล มาลิกุล รอง สว.สอบสวน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป