
มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง“ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” ร่วมกับกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว มอบอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับผู้ผ่านการฝึกอบรมทักษะอาชีพที่มีฐานะยากจนในพื้นที่ จ.ขอนแก่น


เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 24 มิ.ย.68 ที่ ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิปอเต็กตึ๊ง และ ผศ.ดร.พนธ์พันธ์ เลิศจันทรางกูร ที่ปรึกษาอธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว ร่วมเปิดโครงการ”ส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรีและครอบครัว” ประจำปี 2568 มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพให้กับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 20 ราย คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 397,610 บาท


เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้กับกลุ่มเป้าหมายให้ได้รับโอกาสมีอาชีพ เลี้ยงตนเองและครอบครัวให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น อีกทั้งยังมีกิจกรรมหน่วยบริการเคลื่อนที่ให้บริการตัดผม ตัดแว่น ทันตกรรม เคลือบฟลูออไรด์ และตรวจโรคทั่วไปให้กับประชาชนฟรี


นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและรองเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เปิดเผยว่า สำหรับโครงการส่งเสริมอาชีพเพื่อสตรี มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมกับ กรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ โดยมูลนิธิฯ มอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพได้แก่ เตาอบขนม เครื่องตีแป้ง เตียงพร้อมเบาะนวดสปา ชุดเก้าอี้นวดฝ่าเท้า เก้าอี้ตัดผมหญิง เก้าอี้ตัดผมชาย จักรอุตสาหกรรม เตียงสระผม ให้แก่กลุ่มเป้าหมายจากศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น ให้ได้มีวัสดุอุปกรณ์ไปประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองและครอบครัว เพื่อเป็นการลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม สร้างความสุขสู่ชุมชน สังคมและประเทศชาติอย่างยั่งยืน


ศูนย์เรียนรู้การพัฒนาสตรีและครอบครัวรัตนาภา จังหวัดขอนแก่น ได้ดำเนินงานร่วมกับเครือข่ายเพื่อบูรณาการทำงานเชิงป้องกัน ควบคู่ไปกับการส่งเสริมความเสมอภาคระหว่างเพศ การส่งเสริมสัมพันธภาพของครอบครัว เพื่อลดปัญหาความรุนแรงในครอบครัว การสร้างอาชีพสร้างรายได้ให้กับประชาชน รวมไปถึงการเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ สตรีเปราะบาง แม่หรือพ่อเลี้ยงเดี่ยว สตรีที่มีฐานะยากจน ตกงาน เป็นต้น

“การส่งมอบวัสดุอุปกรณ์ประกอบอาชีพที่ได้รับการสนับสนุนจากมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งในวันนี้ จะเป็นประโยชน์และช่วยให้กลุ่มเป้าหมายได้มีโอกาสในการตั้งตัวจากการประกอบอาชีพ ด้วยตนเอง มีรายได้ที่มั่นคงส่งผลให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีศักยภาพในการดูแลตนเองและครอบครัวต่อไปได้”