
ตำรวจบุรีรัมย์คุมตัวนักโทษชาย “โก๋ กวดขุนทด” ชี้จุดปีกกำแพงแหกคุก เส้นทางหลบหนี และจุดซ่อนตัวก่อนถูกชาร์ทจับ ลั่นทั้งน้ำตายอมติดคุกเพิ่มถ้าได้เห็นหน้าลูกน้อย ผู้การฯ ยันเพิ่มโทษหนักฐานหลบหนีจากที่คุมขัง ผบ.เรือนจำมอบรางวัลพร้อมขอบคุณ จนท. กว่า 300 คนที่ร่วมภารกิจค้นหาจนได้ตัว

วันที่ 4 ก.ค.68 พล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมด้วยนางสาววิยดา จั่นทอง ผู้บัญชาการเรือนจำบุรีรัมย์ , พ.ต.อ.จำรัส ศิริเลี้ยง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองบุรีรัมย์ พนักงานสอบสวน และกำลังตำรวจ ได้ควบคุมตัว นักโทษชาย โกวิทย์ กวดขุนทด” อายุ 42 ปี ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ วัวของเกษตรกรในหลายพื้นที่ไปชำแหละขาย ที่หลบหนีออกจากเรือนจำ เมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (3 ก.ค.68) โดยใช้ผ้ามัดต่อกันเป็นเชือกแล้วปีนข้ามกำแพงเรือนจำ ก่อนจะถูกจับกุมตัวได้ในช่วงเช้าวันนี้ ขณะซ่อนตัวใต้พุ่มไม้ในป่าหลังศูนย์ราชการจังหวัด ไปชี้จุดที่ปีนกำแพงเรือนจำหลบหนี รวมทั้งเส้นทางที่หนี และจุดที่ซ่อนตัวในป่า


ซึ่งนักโทษชายโกวิทย์ ก็ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นอย่างดี อธิบายไทม์ไลน์และเส้นทางหลบหนีอย่างละเอียด โดยระบุว่าตอนที่ใช้ผ้าปีนกำแพงเรือนจำก็ถูกไฟดูดแต่ไม่ถึงกับช็อตจนหมดสติ จากนั้นก็เดินลัดเลาะไปตามหมู่บ้านที่คิดว่าจะไม่มีกล้องวงจรปิด ก่อนจะไปซ่อนตัวอยู่ในป่าหลังศูนย์ราชการจังหวัด ซึ่งตอนที่นอนขดซ่อนตัวใต้พุ่มไม้ก็ได้ยินเสียงและเห็นเจ้าหน้าที่มาค้นหา ก็พยายามซ่อนให้เงียบที่สุดเพราะกลัวจะถูกจับได้ ก็นอนขดซ่อนตัวอยู่แบบนั้นทั้งคืนกระทั่งมาถูกจับได้ในตอนเช้า ขณะที่เจ้าหน้าที่พาชี้จุดที่หลบหนี นายโกวิทย์ ก็ยังพูดทั้งน้ำตาว่าสาเหตุที่หลบหนีเพราะคิดถึงลูกสาวอายุ 3 และ 4 ขวบ รู้ว่าการหนีจะมีความผิดเพิ่ม แต่หากได้เจอหน้าและกอดลูกสาวอีกก็ยินดีจะติดคุกเพิ่ม
เมื่อผู้การฯ ตำรวจ ถามนายโกวิทย์ ว่า อยากจะพูดอะไรถึงประชาชนบ้าง นายโกวิทย์ ก็บอกว่า อย่าคิดทำผิดเหมือนตนเอง และหากทำผิดไปแล้วถูกจับกุมได้ ก็อย่าคิดหลบหนีเหมือนที่ตัวเองทำ เพราะทำให้ทั้งเจ้าหน้าที่เดือดร้อน ประชาชนหวาดกลัว แถมยังจะมีข้อหาเพิ่มจากความผิดเดิมอีก
ผู้บังคับการตำรวจภูธรจ.บุรีรัมย์ ระบุว่า เคสนี้ก็ต้องถูกแจ้งข้อหาเพิ่มในฐานความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 190 ผู้ใดหลบหนีไประหว่างที่ถูกคุมขังตามอำนาจของศาล ของพนักงานอัยการ ของพนักงานสอบสวน หรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญา ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จากความผิดเดิม ที่ถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันลักทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้ยานพาหนะ และความผิดตามพระราชบัญญัติควบคุมการฆ่าสัตว์เพื่อการจำหน่ายเนื้อสัตว์” ซึ่งก็จะได้สอบสวนและส่งฝากขังศาลในวันนี้เลย ทั้งนี้ก็ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย รวมถึงภาคเอกชน ที่ร่วมภารกิจติดตามค้นหาตัวนักโทษที่หลบหนี จนสามารถจับกุมตัวได้โดยเร็ว


ขณะที่ผู้บัญชาการเรือนจำบุรีรัมย์ ก็ได้มอบเงินรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมภารกิจค้นหา จนสามารถจับกุมตัวนักโทษที่หลบหนีได้ พร้อมทั้งได้กล่าวขอบคุณทุกคนที่ร่วมกันค้นหา ทั้งนี้ก็จะมีการหารือมาตรการดูแลป้องกันอย่างเข้มงวดมากขึ้น เพื่อไม่ให้นักโทษก่อเหตุหลบหนีอีก