
ประชาชน และนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศ แห่เดินทางมากราบไหว้ขอพร และปิดทอง พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ “พระเจ้าใหญ่” องค์จำลอง วัดหงษ์ ที่บ้านศีรษะแรด ตำบลมะเฟือง อำเภอพุทไธสง จ.บุรีรัมย์ ในวันเข้าพรรษา กันอย่างคึกคัก

ประชาชนและนักท่องเที่ยวจากหลายจังหวัด ต่างพาครอบครัว บุตรหลาน เดินทางไปกราบไหว้ขอพร และปิดทอง “พระเจ้าใหญ่” องค์จำลองวัดหงษ์ ตั้งอยู่ที่บ้านศีรษะแรด ต.มะเฟือง อ.พุทไธสง จ.บุรีรัมย์ เนืองแน่นในวันเข้าพรรษาอย่างเนืองแน่น โดยพระเจ้าใหญ่ เป็นพระพุทธรูปโบราณปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 133 เซนติเมตร สูง 222 เซนติเมตร มีพุทธลักษณะและศิลปะการสร้างที่ถือว่าเป็นเอกลักษณ์องค์เดียวในประไทยเลยก็ว่าได้ คือสร้างด้วยเนื้อผงหรือว่าน นับเป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นยุคโบราณโดยแท้ ที่มีการผสานผงให้มีความแข็งแกร่งทนทาน และเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์องค์เดียวที่สามารถปิดทององค์จริงได้ สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างเมื่อพุทธศตวรรษที่ 8 (พ.ศ.700-800)
ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ขององค์พระเจ้าใหญ่ ทำให้พุทธศาสนิกชนนิยมไปขอให้ท่านช่วยอยู่เสมอ และก็มักจะสมความปรารถนา ได้ในสิ่งที่ต้องการ เพียงแต่ต้องมีความศรัทธาในพุทธศาสนาให้มั่นคงก่อน ถ้าไปเพราะอยากลองดี หรือมีความโลภ ไม่มีใครสมหวังสักราย กลับจะพบกับความวิบัติตามติดตัว เรื่องราวที่ผู้คนหรือชาวบ้านนิยมไปขอหรือบนบานกับท่าน ก็คือ การสาบานเลิกสิ่งเสพติด ของมึนเมา ผู้ใดปฏิบัติได้ชีวิตจะพบแต่ความเจริญรุ่งเรือง ถ้าผิดคำสาบานจะมีอันเป็นไปต่างๆ นานาการสาบานเมื่อตกลงกันไม่ได้ หรือการหาผู้ทำผิดไม่ได้ ซึ่งเมื่อผู้ใดทำผิดก็จะมีอันเป็นไปต่างๆ นานาทุกรายการบนบานเพื่อให้ประสบความสำเร็จในชีวิตและการงานรวมทั้งการอธิษฐานขอให้สิ่งที่ปรารถนา เช่น การขอมีบุตร การขอให้โชคดี เป็นต้น เมื่อผู้ที่มาบนบานศาลกล่าว ได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนาแล้ว ก็ต้องนำสิ่งของมาถวายเป็นการแก้บนหลวงพ่อ ตามที่สัญญาไว้ ส่วนใหญ่มักจะเป็นหนังกลางแปลง และการปิดทองเปลว เป็นต้น



นอกจาก พระเจ้าใหญ่แล้ว ที่วัดแห่งนี้ ยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกอย่างก็คือ พระพุทธรูปที่แกะมาจากนอแรด ที่นี่จึงได้ชื่อว่า บ้านหัวแรด ส่วนที่มีชื่อหงษ์ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วยนั้น ว่ากันว่า มีพรานป่าเข้ามาล่าหงส์ตัวหนึ่งที่หนีเข้ามาในบริเวณวัดจนมาพบกับพระเจ้าใหญ่ และพากันมาตั้งชุมชน“โนนย่านาง” มาจนถึงปัจจุบัน