
หญิงวัย 44 ปี ชาวตำบลเสาเล้า อำเภอหนองกุงศรี จังหวัดกาฬสินธุ์ ร้องขอความเป็นธรรม หลังถูกคนร้ายขโมยเครื่องเรือหางยาวที่จอดอยู่ในเขื่อนลำปาว ตั้งแต่ปลายเดือนมิถุนายน แม้มีหลักฐานจากกล้องวงจรปิดชัดเจน พบรถยนต์ และหมายเลขทะเบียน อีกทั้งพยานก็พร้อมชี้ตัว แต่คดีกลับไม่คืบหน้า วอนตำรวจสภ.หนองกุงศรีเร่งรัดคดี นำตัวคนผิดมาลงโทษโดยเร็วที่สุด เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชน ขณะที่ผกก.สภ.หนองกุงศรีสั่งการให้พนักงานสอบสวนเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อติดตามตัวคนร้ายแล้ว

วันที่ 11 กรกฎาคม 2568 นางสายฝน ตุประโส อายุ 44 ปี ชาวบ้านหนองหว้า ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ออกมาขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองกุงศรี หลังจากถูกคนร้ายลักเครื่องเรือหางยาวจากบริเวณเขื่อนลำปาว โดยระบุว่ามีหลักฐานกล้องวงจรปิดและพยาน ซึ่งได้เข้าเข้าแจ้งความไว้ที่สภ.หนองกุงศรี แต่คดีไม่มีความคืบหน้า สร้างความสงสัยอย่างมาก เพราะเป็นความเดือดร้อนของประชาชน




นางสายฝน กล่าวว่า เหตุการณ์เริ่มต้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2568 ตนได้ขับเรือหางยาวออกจากบริเวณเขื่อนลำปาว ท่าน้ำบ้านหนองหว้า เพื่อไปใช้งานในแม่น้ำตามปกติ เมื่อเวลาบ่ายกลับมาจึงจอดเรือไว้บริเวณท่าน้ำแห่งนี้ ซึ่งเป็นที่จอดเรือที่ชาวบ้านใช้ร่วมกัน แต่ครั้งนี้ไม่ได้ถอดเครื่องเรือออกไปเหมือนทุกครั้งเพิ่งผ่าตัดหัวใจมา จึงไม่สามารถยกสิ่งของหนักได้ จึงได้นำถังและผ้าใบมาปกคลุมพร้อมใช้โซ่ล็อคไว้อย่างดี
กระทั่งต่อมามีชายแปลกหน้าคนหนึ่งขับรถยนต์เข้ามาจอดบริเวณท่าน้ำ อ้างว่าจะมาหาปลาบริเวณดังกล่าว และจะทำการวางตะข่ายลงในน้ำ ก่อนรุ่งเช้าได้ไปที่ท่าน้ำตามปกติ ปรากฏว่าเครื่องเรือหางยาวที่ติดอยู่กับตัวเรือหายไป ซึ่งเครื่องเรือดังกล่าวเครื่องมือหาเลี้ยงชีพที่สำคัญของครอบครัว หลังจากพบว่าทรัพย์สินหายไป ได้รีบสอบถามพยานในพื้นที่และชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้เคียง ปรากฏว่าได้ข้อมูลที่สำคัญ มีชาวบ้านหลายคนเห็นชายแปลกหน้าคนเดียวกับที่มาสอบถามเมื่อวานนี้ ขับรถยนต์สีขาวมาบริเวณดังกล่าวอีกครั้ง คาดว่าคนร้ายจะใช้โอกาสที่ไม่มีคนอยู่ในพื้นที่ก่อเหตุลักทรัพย์เครื่องยนต์เรือหางยาวออกไป
โดยพยานและชาวบ้านสามารถจำภาพหน้าตาของคนที่น่าสงสัยได้อย่างชัดเจน และมั่นใจว่าสามารถชี้ตัวได้อย่างแน่นอน หากได้พบเห็นอีกครั้ง สิ่งที่ทำให้คดีนี้น่าจะคลี่คลายได้ง่าย คือการที่ได้หาเบาะแสคนร้ายจากกล้องวงจรปิดในพื้นที่ได้อย่างสมบูรณ์ ทั้งหมายเลขทะเบียนรถยนต์ ยี่ห้อของรถ สีของรถยนต์ และแม้แต่ใบหน้าของผู้ต้องสงสัย ทั้งหมดปรากฏในกล้องวงจรปิดอย่างชัดเจน

นางสายฝน กล่าวอีกว่า หลังจากเกิดเหตุได้เข้าไปแจ้งความกับไว้ที่ สภ.หนองกุงศรี โดยได้ให้ข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดที่รวบรวมได้ให้อย่างครบถ้วน รวมทั้งรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์ ลักษณะของผู้ต้องสงสัย ข้อมูลจากพยาน และหลักฐานจากกล้องวงจรปิด แต่สิ่งที่ทำให้ผู้เสียหายผิดหวังและสงสัยในระบบคือไม่ได้รับเอกสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งความ และสิ่งที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจมากยิ่งขึ้น คือมีเจ้าหน้าที่ตำรวจบางคนใส่อารมณ์ส่วนตัวกับผู้เสียหายด้วย แทนที่จะให้การสนับสนุนและช่วยเหลือตามหน้าที่ กลับทำให้ผู้เสียหายรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะมีหลักฐานที่ชัดเจนจากกล้องวงจรปิดที่สามารถระบุตัวผู้ต้องสงสัย มีหมายเลขทะเบียนรถยนต์ที่ มีพยานที่สามารถชี้ตัวได้ และยังทราบแล้วว่าผู้ต้องสงสัยเป็นใครและอาศัยอยู่ที่ไหน แต่กลับไม่มีความคืบหน้าของคดีแต่อย่างใด
นางสายฝน กล่าวทิ้งท้ายว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หนองกุงศรีเร่งรัดการดำเนินคดี เพราะมีหลักฐานที่มีอยู่อย่างครบถ้วน เพื่อจับกุมผู้ต้องสงสัยและดำเนินคดีตามกฎหมาย เพื่อให้เกิดความเชื่อมั่นของประชาชนต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ด้านพ.ต.อ.สีหชาติ พรจรรยา ผกก. สภ.หนองกุงศรี กล่าวว่า ได้กำชับและสั่งการให้พนักงานสอบสวนเจ้าของคดีเร่งดำเนินการตามขั้นตอน พร้อมทั้งสอบปากคำผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อที่จะเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีต่อไป