
ผู้ใหญ่บ้านเข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว หลังก่อเหตุสุดโหดใช้อาวุธปืนกราดยิงภรรยาเก่าและญาติๆ ในบ้านพัก เสียชีวิตคาที่ 4 ราย บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย เผยสาเหตุจากความหึงหวงและโกรธแค้นที่ภรรยาขอเลิก ขณะที่ญาติ เผยผู้ก่อเหตุเคยขู่ “ถ้าเลิกวันไหน จะฆ่าให้ตายทั้งโคตร”

เมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ของวันที่ 22 กรกฎาคม 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โซ่พิสัย จังหวัดบึงกาฬ ได้รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บหลายราย ภายในบ้านเลขที่ 328 บ้านคำไผ่ หมู่ที่ 3 ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย จึงรุดเข้าตรวจสอบพร้อมด้วย พล.ต.ต.วิญญู อำนวยสมบัติ ผบก.ภ.จว.บึงกาฬ, พ.ต.อ.อารัก มะสาธานัง รองผบก.ภ.จว.บึงกาฬ, พ.ต.อ.ชัยยุทธ ธรรมสุนา รองผบก.ภ.จว.บึงกาฬ, แพทย์เวรโรงพยาบาลโซ่พิสัย, ตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ และหน่วยกู้ภัยในพื้นที่
ที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้าน พบศพ น.ส.ธัญญพัฒน์ พรมธิราช (ติ๋ม) อายุ 39 ปี เจ้าของบ้าน ถูกยิงเข้าตามร่างกายหลายแห่ง นอนเสียชีวิตอยู่ข้างรถยนต์ที่จอดอยู่หน้าบ้าน เมื่อเข้าไปภายในบ้าน พบศพ นายกุด แก้วคม อายุ 59 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ฝ่ายรักษาความสงบ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองยาวเข้าตามร่างกายหลายแห่ง นอกจากนี้ ยังพบผู้บาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย คือ นายอภัย ศรีทอง อายุ 45 ปี และ นายสุรพล พรมธิราช อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.ธัญญพัฒน์ ทั้งคู่ถูกยิงด้วยปืนชนิดเดียวกัน

จากการสอบถามชาวบ้านเบื้องต้นทราบว่า ผู้ก่อเหตุคือ นายประทวน ต้นกัลยา (เอ๋) อายุ 45 ปี เป็นผู้ใหญ่บ้านบ้านถ้ำจันทร์ หมู่ที่ 12 ต.ศรีชมภู อ.โซ่พิสัย และเป็นอดีตสามีของ น.ส.ธัญญพัฒน์ หลังก่อเหตุได้หลบหนีไป
ต่อมาได้รับแจ้งว่า นายสมชาย ผ่องแผ้ว (รองป๊อง) อายุ 63 ปี รองนายก อบต.ศรีชมภู ถูกนายประทวนยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลบึงกาฬ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบที่เกิดเหตุ ญาติของ นายเฉลียว ดวงจันทร์ดี (สี) อายุ 60 ปี ก็แจ้งว่า นายเฉลียวถูกยิงและนอนบาดเจ็บอยู่ในสวนปาล์มหลังหมู่บ้าน หน่วยกู้ภัยเร่งเข้าให้ความช่วยเหลือแต่ไม่ทัน นายเฉลียวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ พบปลอกกระสุนลูกซอง 2 ปลอกตกอยู่ใกล้จุดที่พบศพ
สรุปเหตุการณ์ความรุนแรงครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 4 ราย ได้แก่ น.ส.ธัญญพัฒน์ พรมธิราช, นายกุด แก้วคม, นายสมชาย ผ่องแผ้ว และนายเฉลียว ดวงจันทร์ดี ส่วนผู้บาดเจ็บสาหัส 2 ราย คือ นายอภัย ศรีทอง และนายสุรพล พรมธิราช
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามติดต่อเกลี้ยกล่อม นายประทวนผ่านทางโทรศัพท์ โดยนายประทวนได้พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงจำนวนศพที่ก่อเหตุ และยอมรับว่าใช้อาวุธปืนลูกซองยาว พร้อมระบายความอัดอั้นว่าตนหมดเงินไปกับฝ่ายหญิงมาก และรู้สึกว่าไม่ได้รับความเคารพจากฝ่ายหญิงและญาติ ก่อนที่จะพูดตัดพ้อว่าจะยิงตัวตาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้พยายามยับยั้งและเกลี้ยกล่อมอยู่นานกว่าครึ่งชั่วโมง
ในที่สุด นายประทวน ต้นกัลยา (ผู้ใหญ่เอ๋) ได้ตัดสินใจเข้ามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายปกครองที่ป้อมยามตำรวจ บริเวณบ้านสามแยก ต.ศรีชมภู ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 10 กิโลเมตร ก่อนถูกควบคุมตัวไปยัง สภ.โซ่พิสัย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
นางเดือน พรมธิราช อายุ 42 ปี พี่สาวของ น.ส.ธัญญพัฒน์ เปิดเผยว่า นายประทวนกับน้องสาวคบหากันมาหลายปีแต่ยังไม่ได้แต่งงานกัน ผู้ใหญ่เอ๋เป็นคนขี้หึงมาก น้องสาวไม่กล้ารับโทรศัพท์คนแปลกหน้าเลย ลูกชายของ น.ส.ธัญญพัฒน์ เล่าว่า เห็นผู้ใหญ่เอ๋พูดคุยกับตาและญาติๆ ก่อนที่แม่จะเดินออกมาหน้าบ้านและถูกยิง

ญาติของผู้เสียชีวิตยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นายประทวนมีนิสัยโหดร้าย ไม่ฟังใคร ถือว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่บ้าน ใครไม่ถูกใจก็จะใช้ปืนข่มขู่เสมอ ที่ผ่านมาน้องสาวทนพฤติกรรมไม่ไหวจึงตัดสินใจเลิกกันมาได้ 3-4 วัน และได้มีการนัดหมายผู้หลักผู้ใหญ่มาพูดคุยเจรจากันในวันเกิดเหตุ แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน นายประทวนก็ก่อเหตุยิงพ่อตาก่อน และที่ผ่านมาผู้ใหญ่เอ๋เคยขู่ไว้ว่า “ถ้าไอ้ติ๋มเลิกกับแกวันไหน จะฆ่าให้ตายทั้งโคตร”
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.โซ่พิสัย จะสรุปมูลเหตุและแรงจูงใจที่แท้จริง พร้อมแจ้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมายต่อไป