
นครพนมผนึกกำลังช่วยผู้ประสบภัยชายแดน: ยอดบริจาคโลหิตและสิ่งของทะลุเป้าหมายอย่างน่าประทับใจ
วันที่ 25 กรกฎาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวจังหวัดนครพนมทุกสาขาอาชีพได้รวมพลังแสดงน้ำใจอันยิ่งใหญ่ ด้วยการหลั่งไหลเข้าร่วมบริจาคโลหิตและสิ่งของจำเป็น เพื่อช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและผู้ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะในจังหวัดอุบลราชธานี ศรีสะเกษ สุรินทร์ และบุรีรัมย์ ซึ่งยอดบริจาคสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก



เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ณ ศาลาประชาคมยงใจยุทธ ศาลากลางจังหวัดนครพนม นายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม และนางธนวัน อุ่นเพชรวรากร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดนครพนม ได้เชิญชวนประชาชนร่วมบริจาค โดยมีผู้คนจากหลากหลายอาชีพทยอยกันมาร่วมบริจาคโลหิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยชีวิตผู้ที่ต้องการโลหิตอย่างเร่งด่วน
คุณใยฟ้า หาญมนตรี อาจารย์โรงเรียนนครพนมวิทยาคม แสดงความยินดีที่ได้มีส่วนร่วมในการบริจาคโลหิตครั้งนี้อย่างยิ่ง โดยหวังว่าเลือดที่บริจาคจะเป็นคลังสำรองไว้ใช้ในยามคับขัน สอดคล้องกับคุณจินตนา ยศประสงค์ ผู้ประกอบอาชีพค้าขายในพื้นที่นครพนม ที่กล่าวว่านี่เป็นการบริจาคโลหิตครั้งแรกของเธอ หลังจากเห็นประกาศในเพจเฟซบุ๊กและตัดสินใจเดินทางมาร่วมบริจาคทันที



เจ้าหน้าที่ผู้รับบริจาคโลหิตเปิดเผยว่า การรับบริจาคครั้งนี้ได้รับความสนใจจากชาวนครพนมมากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก โดยเฉพาะในช่วงครึ่งวันแรกมีผู้มาบริจาคโลหิตแล้วประมาณ 200 ราย และในช่วงบ่ายมีผู้ลงทะเบียนเพื่อรอคิวบริจาคอีกกว่า 200 คน คาดว่ายอดรวมผู้บริจาคจะไม่ต่ำกว่า 400 คนอย่างแน่นอน ทางเจ้าหน้าที่ได้กล่าวขอบคุณชาวนครพนมทุกคนที่ร่วมแสดงพลังเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในครั้งนี้
ขณะเดียวกัน ภายใต้โครงการ “ชาวนครพนมรวมพลังสู่แนวหน้า” ผู้มีจิตศรัทธาก็ได้นำสิ่งของต่างๆ มาร่วมบริจาคอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากวิกฤตชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเฉพาะ ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยากันยุง ผ้าอนามัย และยารักษาโรค ซึ่งมีจุดรับบริจาคที่ทำการปกครองจังหวัดนครพนม (ศาลากลางจังหวัดนครพนม หลังใหม่ ชั้น 1) ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการให้!



หากท่านต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการร่วมบริจาคสิ่งของ สามารถติดต่อได้ที่หมายเลข 06 3904 1748 ชาวนครพนมเชิญชวนทุกท่านร่วมบริจาคโลหิตและสิ่งของจำเป็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งต่อความช่วยเหลือและกำลังใจให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่กำลังเผชิญกับความยากลำบาก ณ แนวชายแดนไทย-กัมพูชา.