
วันที่ 30 กรกฎาคม 2568 ที่ วัดสว่างอารมณ์ บ้านดอนศาลา ตำบลเหล่าพัฒนา อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนมได้มีพิธีพระราชทานเพลิงศพ ส.ต. วรัญชิต ยวงสุวรรณ ทหารกล้าผู้พลีชีพในเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยมีพลเอกธงชัย รอดย้อย เสธ.ทบ พร้อมคณะ เดินทางมาเป็นประธานในพิธี ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโศกเศร้าอาลัย แต่ก็อบอวลไปด้วยความภาคภูมิใจในวีรกรรมอันหาญกล้าของวีรบุรุษผู้จากไป


พิธีอันศักดิ์สิทธิ์นี้ได้รวมใจของทุกภาคส่วน ทั้งนายปราชญา อุ่นเพชรวรากร ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด คณะผู้บังคับบัญชากองทัพภาคที่ 2 และหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก หัวหน้าส่วนราชการ ตลอดจนเพื่อนทหาร ร่วมด้วยนายมนตรี ยวงสุวรรณ และนางสาววลัยรักษ์ คะสา บิดาและมารดา นางสาวเฌอลิลิน ยวงสุวรรณ พี่สาว คุณยายเปลี่ยน คะสายายอันเป็นที่รัก รวมถึงญาติมิตรและประชาชนชาวนครพนมที่หลั่งไหลเข้าร่วมพิธีอย่างเนืองแน่น เพื่อแสดงความเคารพและไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้ายแด่ ส.ต.วรัญชิต ผู้ซึ่งอุทิศชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
เมื่อขบวนอัญเชิญกล่องเพลิงพระราชทานอันเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติสูงสุดมาถึง ผู้บังคับบัญชา ข้าราชการ เพื่อนทหาร ครอบครัว และประชาชนต่างตั้งแถวรอรับอย่างพร้อมเพรียง ด้วยจิตคารวะและสำนึกในบุญคุณ เจ้าหน้าที่ได้อัญเชิญกล่องเพลิงพระราชทานขึ้นวางประจำจุดเตรียมประกอบพิธี ประธานในพิธีได้ขึ้นทอดผ้าบังสุกุล เสียงแตรนอนของกองเกียรติยศดังก้องไปทั่วบริเวณ สะท้อนถึงความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ และความเคารพที่ทุกคนมีต่อทหารกล้า จากนั้น ผู้ร่วมพิธีได้ทยอยขึ้นวางดอกไม้จันทน์ ร่วมไว้อาลัยแด่วีรชนผู้เสียสละรายนี้เป็นครั้งสุดท้าย
พิธีพระราชทานเพลิงศพในวันนี้ไม่เพียงแต่เป็นการส่งดวงวิญญาณของ ส.ต.วรัญชิต ยวงสุวรรณ สู่สรวงสวรรค์เท่านั้น แต่ยังเป็นประจักษ์พยานถึงความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของทหารกล้าที่ยอมพลีชีพเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย สร้างความปลาบปลื้มและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่ทรงมีต่อผู้กล้าหาญในวาระสุดท้ายของชีวิต และต่อครอบครัวยวงสุวรรณอย่างหาที่สุดมิได้ การจากไปของ ส.ต.วรัญชิต จะยังคงอยู่ในความทรงจำของปวงชนชาวไทยตลอดไป ในฐานะวีรบุรุษผู้เสียสละชีพเพื่อชาติอย่างแท้จริง
พลทหารวรัญชิต ยวงสุวรรณ เกิดเมื่อวันเสาร์ที่ 16 พ.ย.2545 ที่บ้านเลขที่ 16 ม.1 บ้านดอนศาลา ต.เหล่าพัฒนา อ.นาหว้า จ.นครพนม เป็นบุตรชายของ นายมนตรี ยวงสุวรรณ และ นางวลัยรักษ์ คะสา มีพี่น้องร่วมบิดามารดา 2 คน คือนางสาวเฌอลิลิน ยวงสุวรรณ และพลทหารวรัญชิต ยวงสุวรรณ จบการศึกษาระดับมัธยาศึกษาตอนปลาย จากศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ระดับอำเภอเมือง จ.อุดรธานียังเป็นโสดไม่แต่งงานมีครอบครัว แต่อย่างใด


พลทหารวรัญชิต ยวงสุวรรณ เมื่ออายุครบกำหนด การคัดเลือกทหารเข้ากองประจำการ ซึ่งพลทหารวรัญชิตฯ ได้รับการคัดเลือก เข้าเป็นทหารกองประจำการตามพระราชบัญญัติ รับราชการ ปี พ.ศ.2566 ผลัดที่ 2 สังกัด กรมทหารราบที่ 13 ค่ายประจักษ์ศิลปาคม จ.อุดรธานี ตำแหน่งพลสลับสาย ตอนสื่อสาร กองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบที่ 13
พลทหารวรัญชิตฯ ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะ อุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร อดทน ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่มาโดยตลอด มีความเสียสละส่วนตน เพื่อส่วนรวม ปฏิบัติตนเป็นที่ไว้วางใจของผู้บังคับบัญชาด้วยดีเสมอมา เป็นผู้ที่มีจิตใจโอบอ้อมอารี รักและเอื้อเฟื้อต่อรุ่นพี่ รุ่นน้อง และเพื่อนร่วมรุ่นทุก ๆ คน ด้านครอบครัว พลทหารวรัญชิตฯ ตั้งแต่เล็กจนโต เป็นผู้ที่ว่านอนสอนง่าย เชื่อฟังคำสั่งสอนของพ่อแม่มาโดยตลอด การเจรจาพาทีมีความไพเราะเพราะหู เป็นคนเรียบร้อย กตัญญูรู้คุณ ขยันทำงานช่วยเหลือครอบครัวอยู่เป็นประจำ ตามความสามารถที่ตัวเองจะทำได้ จึงเป็นที่รักของญาติมิตรทุก ๆ คนโดยบิดาและมารดาคาดหวังไว้ว่าเมื่อปลดประจำการออกมาแล้ว จะเป็นเสาหลักให้ครอบครัวต่อไป
วาระสุดท้ายของการเสียชีวิต จากเหตุการณ์การปะทะกัน ระหว่าง ไทย – กัมพูชา ในพื้นที่ จ.ศรีษะเกษ พลทหารวรัญชิตฯ ได้ออกปฏิบัติภารกิจตามแผนป้องกันประเทศ เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่ผ่านมาได้ออกปฏิบัติภารกิจ หน่วยกองร้อยเครื่องยิงหนัก กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 2 ในพื้นทีบ้านโนนวันชัย ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีษะเกษ โดยได้ปะทะกับฝ่ายข้าศึก เป็นเหตุให้กระสุนปืนใหญ่ตกบริเวณใกล้หมู่เครื่องยิงหนักของหน่วย เป็นเหตุให้ พลทหารวรัญชิตฯ ถูกสะเก็ดระเบิด ทำให้บาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา
จากการปฏิบัติหน้าที่ กระทั่งเสียชีวิตอย่างหาญกล้า สมศักดิ์ศรี ชายชาติทหารอย่าง ยิ่ง และการเสียสละของ พลทหารวรัญชิตฯ ในครั้งนี้ เป็นการรักษาอธิปไตยของประเทศ ให้คงอยู่ตราบนานเท่านาน เพื่อให้ประชาชนอยู่เย็นเป็นสุข ให้สมกับคำว่า “สุขเถิดปวงประชา ทหารกล้าจักคุ้มภัย” อย่างแท้จริง