
รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ลงพื้นที่ติดตามศูนย์การแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก


วันที่ 6 สิงหาคม 2568 ที่จังหวัดยโสธร นายสันชัย พัฒนะวิชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดยโสธร ลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานของศูนย์การแพทย์แผนไทยและภูมิปัญญาท้องถิ่นพัฒนาผลิตภัณฑ์ โรงพยาบาลกุดชุม อำเภอกุดชุม จังหวัดยโสธร ซึ่งเป็นแหล่งผลิตสมุนไพรกว่า 40 ชนิดวางจำหน่าย รวมถึงส่งต่อไปใช้ในการรักษายังโรงพยาบาลต่าง ๆ ทั้งในพื้นที่จังหวัดยโสธร และต่างจังหวัด
โดยมีแพทย์หญิง นันทิยา เข็มเพชร ผู้อำนวยการโรงพยาบาลกุดชุม คณะแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับและนำชมกระบวนการผลิตพร้อมบรรยายการดำเนินงาน ของ โรงพยาบาลกุดชุม ที่มีการดำเนินการให้บริการด้านการแพทย์แผนไทยอย่างเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ปี 2544 มีชื่อเสียงในฐานะต้นแบบด้านการแพทย์แผนไทยระดับประเทศ ด้วยการบริหารจัดการแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำ คือการส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรในพื้นที่กว่า 150 ราย ปลูกสมุนไพรอินทรีย์ตามมาตรฐาน GAP มีการประกันราคาและโควต้าที่ชัดเจน สร้างความมั่นคงทางอาชีพ
จากนั้นเข้าสู่กระบวนการกลางน้ำที่โรงงานผลิตยาสมุนไพรของโรงพยาบาล ซึ่งผ่านมาตรฐาน GMP สามารถผลิตยาและผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้กว่า 40 รายการ ทั้งยาในบัญชียาหลักแห่งชาติ ยานอกบัญชี และผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพที่ได้รับความนิยมสูง เช่น ยาธาตุอบเชยที่บรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขี้ผึ้งไพลที่บรรเทาอาการปวด ลดอาการอักเสบของกล้ามเนื้อ แก้เคล็ดขัดยอก ฟ้าทะลายโจรที่ใช้แก้ไอ เจ็บคอ ท้องเสียไม่ติดเชื้อ และยาผสมเถาวัลย์เปรียง ที่บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย โดยมีการตรวจสอบคุณภาพอย่างเข้มงวดจากกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และปลายน้ำ คือการกระจายผลิตภัณฑ์สู่ผู้บริโภค ไม่เพียงแต่ใช้รักษาผู้ป่วยในโรงพยาบาลกุดชุมเอง ซึ่งมีจุดเด่นในการรักษาแบบผสมผสานระหว่างแพทย์แผนปัจจุบันและแผนไทย แต่ยังส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ ทั้งในและนอกจังหวัด รวมถึงจำหน่ายให้ประชาชนทั่วไปผ่านช่องทางออนไลน์และที่โรงพยาบาลโดยตรง ซึ่งบริการนวดแผนไทยและผลิตภัณฑ์สมุนไพรได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์


นายสันชัย พัฒนะวิชัย เปิดเผยว่า โรงพยาบาลกุดชุมถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียนในชุมชนได้อย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม พบว่ากระบวนการผลิตส่วนใหญ่ยังต้องพึ่งพาแรงงานคน จึงมีแผนผลักดันให้เกิดการสนับสนุนด้านเครื่องจักรที่มีกำลังผลิตสูงขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลดีโดยตรงไปยังรายได้ของเกษตรกรในเครือข่าย หากเราสามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้ เกษตรกรต้นน้ำก็จะสามารถปลูกสมุนไพรได้มากขึ้น รายได้ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ขณะเดียวกันได้เสนอแนะให้ทางโรงพยาบาลบูรณาการองค์ความรู้ทั้งหมดเรื่องสมุนไพรตั้งแต่การปลูกจนถึงการแปรรูป จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยและวัฒนธรรมท้องถิ่น เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง และสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนหันมาใช้สมุนไพรไทยในการดูแลสุขภาพมากขึ้น ถือเป็นการต่อยอดภูมิปัญญาท้องถิ่นให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจและสุขภาพอย่างยั่งยืน